วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/BASSBJ <p> วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ เป็นวารสารทางวิชาการ จัดทำโดย คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยจัดทำเป็นวารสารราย 6 เดือน (ปีละ 2 ฉบับ)</p> <p><strong>วัตถุประสงค์</strong></p> <p> 1. เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการหรือวิจัยในสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ได้แก่ การตลาด การจัดการ การเงิน การบัญชี ธุรกิจระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวและการโรงแรม </p> <p> 2. เพื่อให้บริการทางวิชาการในสาขาบริหารธุรกิจ ได้แก่ การตลาด การจัดการ การเงิน การบัญชี ธุรกิจระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวและการโรงแรม </p> <p> 3. เพื่อสร้างเครือข่ายและพัฒนาองค์ความรู้ในสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ได้แก่ การตลาด การจัดการ การเงิน การบัญชี ธุรกิจระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และการโรงแรม และสาขาเศรษฐศาสตร์</p> <p><strong>ประเภทผลงานที่รับพิจารณาตีพิมพ์ (ภาษาไทย/ ภาษาอังกฤษ)</strong></p> <p> 1. บทความวิจัย (Research article)</p> <p> 2. บทวิจารณ์วิชาการ (Critique/ Discussion paper) </p> <div id="focusAndScope"> <div id="focusAndScope"> <p><strong>กำหนดการออกเผยแพร่</strong><strong> (Publication Frequency) </strong></p> <p> - <strong><u>ฉบับที่ 1</u></strong> เดือนมกราคม – มิถุนายน</p> <p> - <strong><u>ฉบับที่ 2</u></strong> เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม </p> <p><strong>ระยะเวลาในการรับพิจารณาบทความ</strong></p> <p> - <strong><u>ฉบับที่ 1</u></strong> เดือนมกราคม – เมษายน</p> <p> - <strong><u>ฉบับที่ 2</u></strong> เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ (</strong><strong>Article Processing Charges) </strong><strong><br /></strong> วารสารไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ </p> <p><strong>Peer Review Process</strong></p> <p> บทความทุกบทความที่ส่งพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ จะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นการประเมินคุณภาพแบบผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (Double blinded peer review) ซึ่งบทความแต่ละเรื่องจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนอย่างน้อย 2 ใน 3 ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาในขั้นแรกแล้ว ผู้เขียนจะต้องแก้ไขตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิ และจะต้องผ่านการตรวจสอบการแก้ไขจากกองบรรณาธิการว่ามีการแก้ไขอย่างถูกต้องจึงจะผ่านการพิจารณาตีพิมพ์ หลังจากนั้นทางวารสารฯ จึงจะออกหนังสือรับรองการตีพิมพ์ให้ผู้เขียนบทความต่อไป</p> <p><strong>ฐานข้อมูลวารสาร</strong></p> <p> ได้รับการรับรองคุณภาพวารสารจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) กลุ่มที่ 2</p> <p><strong>การติดต่อวารสาร</strong></p> <p> คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 114 สุขุมวิท 23 กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2649-5000 ต่อ 11754, 0-2169-1018 E-mail Address: <a href="mailto:mbasbj@gmail.com">mbasbj@gmail.com</a></p> </div> </div> คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ: Faculty of Business Administration for Society, Srinakharinwirot University th-TH วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ 2985-2234 <p>วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ ยินดีรับบทความวิจัยและบทความทางวิชาการด้านบริหารธุรกิจ เพื่อพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร ซึ่งทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารฯ ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบโดยตรงของผู้เขียน มิใช่เป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบใดๆ ของคณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้ประสงค์จะนำบทความหรือบทวิจารณ์ใดๆ ไปเผยแพร่ จะต้องได้รับการอนุญาตจากวารสารเป็นลายลักษณ์อักษร ลิขสิทธิ์บทความที่เผยแพร่ทั้งหมดเป็นของวารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ</p> อิทธิพลของกรอบความคิดแบบเติบโต และความถ่อมตน ในฐานะปัจจัยกำกับที่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเรื่องคนเก่งในตนกับพฤติกรรมทางลบในองค์การ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/BASSBJ/article/view/1148 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเรื่องคนเก่งในตนเองกับพฤติกรรมทางลบในองค์การ โดยมีกรอบความคิดแบบเติบโตและความถ่อมตนในตนเองเป็นตัวแปรกำกับความสัมพันธ์ดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างคือพนักงานประจำจำนวน 300 คน จากหลากหลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 1 ปี เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบมีตัวแปรกำกับ (Moderated multiple regression)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า แนวคิดเรื่องคนเก่งในตนเองมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมทางลบในองค์การอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะเดียวกันกรอบความคิดแบบเติบโตและความถ่อมตนในตนเองสามารถลดความแรงของความสัมพันธ์ดังกล่าวได้อย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ บุคคลที่มีแนวโน้มมองว่าตนเองเป็นคนเก่งแต่มีความคิดแบบเติบโตหรือมีความถ่อมตน จะมีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมทางลบน้อยกว่าผู้ที่ขาดคุณลักษณะเหล่านี้</p> <p>ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมกรอบความคิดแบบเติบโตและความถ่อมตนในองค์การเพื่อป้องกันพฤติกรรมทางลบ โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง</p> Siam Prasertkul ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบริหารธุรกิจศรีนครินทรวิโรฒ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-sa/4.0 2025-09-08 2025-09-08 16 2 1 16