https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/issue/feed วารสารวิชาการคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช 2025-02-07T14:54:28+07:00 ดร.โสภณ ชุมทองโด manage@nstru.ac.th Open Journal Systems <p><strong>วารสารนี้รับตีพิมพ์บทความวิจัยครอบคลุมศาสตร์ต่างๆ ทางสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ได้แก่ เศรษฐศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ ธุรกิจค้าปลีก การจัดการ บริหารทรัพยากร มนุษย์ การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรม สื่อสารมวลชน และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสหวิทยาการจัดการ</strong></p> https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/article/view/817 การพัฒนาระบบบริหารจัดการเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาพการศึกษาสำหรับคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย 2025-02-07T14:17:40+07:00 นวพล เทพนรินทร์ nawaphol.t@rmutsv.ac.th ทีปกรณ์ นฤมาณนลินี nawaphol.t@rmutsv.ac.th รัสมนต์ ยุระพันธ์ nawaphol.t@rmutsv.ac.th พัชรี ทิพย์ประชา nawaphol.t@rmutsv.ac.th ทรรศนีย์ หัตถิยา nawaphol.t@rmutsv.ac.th <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การศึกษาครั้งนี้เป็นการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ศึกษาการทำงานการเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาการศึกษา สำหรับคณบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อีกทั้งยังเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาพการศึกษา สำหรับคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย และเพื่อประเมินความพึงพอใจของการใช้เว็บไซต์ ระบบบริหารจัดการเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาพการศึกษา&nbsp; สำหรับคณะคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จัดทำขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาการค้นหาไฟล์เอกสาร และจัดระเบียบข้อมูลงานเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการนำข้อมูลมาใช้งาน โดยนำโปรแกรม Wordpress , MySQL , Hosthinglotus เพื่อมาใช้ในการพัฒนาระบบประยุกต์ใช้และจัดทำระบบนี้ ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้งานและผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญผู้ใช้งานและผู้เชี่ยวชาญมีความพึงพอใจเว็บไซต์การพัฒนาระบบบริหารจัดการเก็บข้อมูลเอกสารหลักฐานงานประกันคุณภาพการศึกษาสำหรับคณะบริหารธุรกิจ&nbsp; มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ความพึงพอใจมากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด ได้ผลประเมินว่าด้านตรงตามความต้องการของผู้ใช้พบว่า โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 𝒙̅ เท่ากับ 4.9 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.15&nbsp; ด้านภาพรวมของระบบ โดยมีค่าเฉลี่ย 𝒙̅ เท่ากับ 4.85 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.33 ด้านรูปแบบและภาพลักษณ์ของระบบ โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 𝒙̅ เท่ากับ 5 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0 และแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ด้านเนื้อหา โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 𝒙̅ เท่ากับ 3.87 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.52&nbsp; ด้านคุณภาพสื่อ โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 𝒙̅ เท่ากับ 3.64 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.30</p> 2025-02-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/article/view/818 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จการปฏิบัติงานด้านการให้บริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี 2025-02-07T14:25:02+07:00 อัศมา สาและ yayee.asma@gmail.com ประดิษฐ์ ดีวัฒนากุล yayee.asma@gmail.com อรอนงค์ แตงอ่อน yayee.asma@gmail.com <p>บทความมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ระดับความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการให้บริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี 2) เปรียบเทียบความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการให้บริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยด้านการมาใช้บริการ 3) ความสัมพันธ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จการปฏิบัติงานการให้บริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และปัจจัยด้านการมาใช้บริการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือประชาชนผู้มารับบริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี จำนวน 286 คน โดยวิธีบังเอิญ&nbsp; เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t-test&nbsp; f-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (one way ANOVA analysis)</p> <p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการศึกษาพบว่า</strong></p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ประชาชนที่มารับบริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี มากที่สุดคือ เพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 56.6 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 31-50 ปี คิดเป็นร้อยละ 45.1 และมีสถานภาพสมรส คิดเป็นร้อยละ 59.8 ส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขายมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 22.4 จบการศึกษาต่ำกว่ามัธยมศึกษาคิดเป็นร้อยละ 35.7</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ปัจจัยด้านการมาใช้บริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี พบว่า ประเภทของงานที่ประชาชนมาใช้บริการมากที่สุด คือ งานทะเบียนราษฎร คิดเป็นร้อยละ 38.5 ส่วนประเภทของงานที่ประชาชนมาเข้ารับบริการน้อยที่สุด คือ งานทะเบียนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 30.1 สำหรับจำนวนครั้งที่ประชาชนมารับบริการในรอบ 1 ปี มากที่สุด คือ เข้ารับบริการ 3-5 ครั้ง/ปี คิดเป็นร้อยละ 45.5 และช่วงเวลาที่ประชาชนมาติดต่อขอรับบริการของสำนักทะเบียนอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานีมากที่สุดคือ ระหว่างเวลา 08.30 น. ถึง 12.00 น. คิดเป็นร้อยละ 60.1</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการของสำนักทะเบียนอำเภออำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี &nbsp;พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของ สำนักทะเบียนอำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านสถานที่ ด้านความรวดเร็วในการให้บริการด้านความถูกต้องและเชื่อถือได้และพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ด้านความเสมอภาคในการให้บริการ</p> 2025-02-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/article/view/819 อิทธิพลของส่วนประสมการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า แบรนด์ ฮอบส์ ของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย 2025-02-07T14:32:35+07:00 ภาณุ เลิศศุภพงษ์ Panulert@gmail.com จักรพันธ์ กิตตินรรัตน์ ่Jakkrapan@pnru.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพทั่วไปของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7’Ps) และการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ ฮอบส์ ของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7’Ps) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ ฮอบส์ ของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นวายโดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าเจเนอเรชั่นวายที่เคยซื้อสินค้าแบรนด์ฮอบส์ทางออนไลน์และออฟไลน์จำนวน 400 คน ด้วยแบบสอบถาม ข้อมูลถูกวิเคราะห์ด้วยสถิติพรรณนา เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ<br>ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 31–35 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ 15,001–30,000 บาทต่อเดือน และเป็นโสด โดยระดับความพึงพอใจในส่วนประสมทางการตลาดและการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ฮอบส์ของผู้บริโภคกลุ่มเจนเนอเรชั่นวายอยู่ในระดับมาก 2) กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ การศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนที่แตกต่างกัน มีการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา การส่งเสริมการตลาด บุคลากรที่ให้บริการ และสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-02-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/article/view/820 วิเคราะห์ข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามประเภทสินค้าและบริการ 10 ประเภทสินค้าเรียงตาม ISIC ในจังหวัดตรัง 2025-02-07T14:38:43+07:00 อริสา ณะสงค์ j0936730221@gmail.com โสภณ ชุมทองโด Sophon_chu@nstru.ac.th <p>งานวิจัย เรื่องวิเคราะห์ข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามประเภทสินค้าและบริการ 10 ประเภทสินค้าเรียงตาม ISIC ในจังหวัดตรัง มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามประเภทสินค้าและบริการ10 ประเภทสินค้า เรียงตาม ISIC ในจังหวัดตรัง และเพื่อให้เห็นโครงสร้างของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้นำไปใช้ในการวางแผนพัฒนานโยบายต่าง ๆ ของจังหวัดตรังให้มีประสิทธิภาพ เป็นการการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ จากฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ หน้าเว็บไซต์ของสำนักงานสรรพากรพื้นที่ตรัง ปีงบประมาณ 2564 - 2566 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Excel 2 ขั้นตอน โดยนำข้อมูลเรียงตาม ISIC ของแต่ละเดือนมารวบรวมเป็นรายปี แล้ว SUM หาค่ารวมของแต่ละปีตามลำดับ นำผลการวิเคราะห์ของแต่ละปีมา SUM เพื่อหาค่ารวมทั้งหมด 3 ปี แล้วนำมาวิเคราะห์จัดเรียงลำดับและเปรียบเทียบประเภทกิจการ ที่ได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มสูงที่สุดในจังหวัดตรัง เรียงตาม ISIC ซึ่งได้ผลการวิเคราะห์ ดังนี้<br>ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของสำนักงานสรรพากรพื้นที่ตรัง ในปีงบประมาณ 2564-2566 พบว่า การก่อสร้างอาคาร (ISIC 410000) จัดเก็บได้ทั้งหมด 183.732 ล้านบาท การผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแปรรูปอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น (ISIC 102990) จัดเก็บได้ทั้งหมด 154.305 ล้านบาท การเลื่อยไม้และการไสไม้(ISIC 161000) จัดเก็บได้ทั้งหมด 130.239 ล้านบาท การขายจักรยานยนต์ (ISIC 454010) จัดเก็บได้ทั้งหมด 59.55 ล้านบาท การผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่ใช้ในงานก่อสร้าง (ISIC 239510) จัดเก็บได้ทั้งหมด 47.899 ล้านบาท การขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน (ISIC 451010) จัดเก็บได้ทั้งหมด 41.737 ล้านบาท การขายส่งไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้แปรรูปขั้นต้น (ISIC 466320) จัดเก็บได้ทั้งหมด 40.67 ล้านบาท ร้านขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ (ISIC 473000) จัดเก็บได้ทั้งหมด 29.611 ล้านบาท การทำเหมืองหินที่ใช้ในการก่อสร้าง (ISIC 081010) จัดเก็บได้ทั้งหมด 17.697 ล้านบาท และโรงแรมและรีสอร์ท (ISIC 551010) จัดเก็บได้ทั้งหมด 16.977 ล้านบาท</p> 2025-02-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JMSNSTRU/article/view/821 รูปแบบการพัฒนาบุคลากร ของสานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) 2025-02-07T14:42:47+07:00 วรายุทธ ชอุ่ม warayut_c@sepo.go.th อรุณ ไชยนิตย์ warayut_c@sepo.go.th <p>การค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การพัฒนาบุคลากร ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) 2) ประสิทธิภาพการพัฒนาบุคลากร ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ 3) รูปแบบการพัฒนาบุคลากร ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่มีเหมาะสม เป็นการวิจัยแบบผสมระหว่างเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ แบบสัมภาษณ์ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญทั้งหมดจำนวน 15 คน และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณคือ แบบสอบถาม เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างคือบุคลากรสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จำนวน 129 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน<br>ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาบุคลากร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ =4.08) คือ ด้านการฝึกอบรม มีการสนับสนุนให้บุคลากรได้รับการพัฒนาตนเองให้เกิดความรู้ สมรรถนะ และทักษะการปฏิบัติงาน ด้านการสอนงาน มีการสอนงานให้แก่บุคลากรรู้จักคิด วิเคราะห์ ปัญหา เพื่อหาแนวทางแก้ไขได้อย่างสมเหตุสมผล และด้านการศึกษาดูงาน มีการส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรไปศึกษาดูงาน เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาองค์กร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2) ประสิทธิภาพการพัฒนาบุคลากร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ =4.01) คือ ด้านคุณภาพของงาน บุคลากรสามารถปฏิบัติงานได้ตามขั้นตอนอย่างถูกต้องชัดเจน และได้ผลงานที่มีคุณภาพ ด้านผลการปฏิบัติงาน บุคลากรสามารถลำดับขั้นตอน ก่อน–หลัง ของงานได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ด้านความสำเร็จของงาน บุคลากรมีความกระตือรือร้นและมุ่งมั่นในการปฏิบัติงาน เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ บุคลากรสามารถคิดค้น วิธีการใหม่ ๆ เพื่อนำมาพัฒนากระบวนการในการปฏิบัติงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ 3) รูปแบบการพัฒนาบุคลากร ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ที่มีเหมาะสม คือ มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรได้รับการฝึกอบรม ศึกษาดูงาน และมีการสอนงานให้กับบุคลากร เพื่อให้บุคลากรมีทักษะความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ ทำให้งานเกิดผลสำเร็จอย่างสร้างสรรค์ สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองอย่างเหมาะสม และการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลที่ทำงานอยู่รอบตัว สร้างบรรยากาศที่ดีในการปฏิบัติงาน เพื่อให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งความสุข</p> 2025-02-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024