https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/issue/feed วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2024-07-01T17:36:49+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สถาพร วิชัยรัมย์ sathaporn.wc@bru.ac.th Open Journal Systems <p>วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นวารสารที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้คณาจารย์ นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไปได้เผยแพร่ผลงานทางวิชาการและผลงานวิจัยทางด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ การบริหาร การจัดการ การบริหารท้องถิ่น และสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตลอดจนบทวิเคราะห์ สังเคราะห์และเสนอทางออกในการแก้ปัญหาให้แก่สังคม โดยมีรูปแบบการตีพิมพ์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2566 โดยมีกำหนดเผยแพร่วารสารฉบับปกติ (Regular Issues) ปีละ 2 ฉบับ คือ ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม) </p> https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/314 แนวทางการพัฒนาพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน 2024-05-17T16:13:11+07:00 นพดล ธีระวงศ์ภิญโญ boy-2524@windowslive.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา วิเคราะห์และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยังยืน โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพประกอบด้วยการวิจัยเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก และวิธีการมีส่วน-ร่วมออกแบบ ผลการวิจัยพบว่าชุมชนหลายแห่งติดกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่มีความสวยงามและสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ได้ แต่ในปัจจุบันมีกฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหลายฉบับ และกฎ ระเบียบ เหล่านั้นยังไม่สามารถอำนายความสะดวกให้ท้องถิ่นและชุมชนในบริเวณติดพื้นที่อุทยานแห่งชาติสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยังยืนได้อย่างเหมาะสม การวิจัยครั้งนี้จึงเสนอแนะแนวทางการพัฒนาพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยังยืน โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ 1) แนวทางการพัฒนากฎหมายอุทยานแห่งชาติโดยให้ท้องถิ่นสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไปพร้อมๆกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยังยืน 2) แนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ ด้านการจัดการขยะ ด้านการจัดการพื้นที่จอดรถ ด้านการจัดการพื้นที่ห้องสุขา ด้านการจัดการรักษาความปลอดภัย ด้านการจัดการร้านค้าและบริการและด้านการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ไปพร้อมๆกับการสร้างจิตสำนึกในการจัดการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตน</p> <p>&nbsp;</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/235 ประสิทธิภาพของบุคลากรต่อการให้บริการประชาชนของอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง 2024-04-11T12:05:55+07:00 กษิดิ์เดช จอกทอง 631011059@tsu.ac.th วิชชาญ จุลหริก witchan.j30@icloud.com <p>บทความวิจัยเรื่อง “ประสิทธิภาพของบุคลากรต่อการให้บริการประชาชนของอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ประสิทธิภาพของบุคลากรต่อการให้บริการประชาชนของที่ว่าการอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง และ ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงและพัฒนาการบริการประชาชนให้มีประสิทธิมากยิ่งขึ้น เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือประชากรที่อยู่อาศัยในอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง จำนวน 396 ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental sampling) เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามที่มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.70 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า ประสิทธิภาพของบุคลากรต่อการให้บริการประชาชนของอำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 (𝒙̅=4.17, S.D.= 0.040) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านอำนวยความสะดวกของสถานที่ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.20 (𝒙̅=4.20, S.D.= 0.120) รองลงมา คือ ด้านประสิทธิภาพของบุคลากร อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.17 (𝒙̅=4.17, S.D.= 0.080) และด้านกระบวนการ/ขั้นตอนในการบริการ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.14 (𝒙̅=4.14, S.D.= 0.160)</p> <p><strong> </strong></p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>ประสิทธิภาพของบุคลากร, การให้บริการประชาชน.</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/236 การเสริมสร้างศักยภาพที่ยั่งยืน ในการจัดการทรัพยากรทางทะเล 2024-04-11T14:31:39+07:00 ลิยานา ดำสมุทร liyana2544@gmail.com วิชชาญ จุลหริก witchan.j30@icloud.com <p>บทความวิจัยเรื่อง “การเสริมสร้างศักยภาพที่ยั่งยืน ในการจัดการทรัพยากรทางทะเล” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัญหาที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของชาวประมงในเขตเทศบาลตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา และ 2) แนวทางการพัฒนาศักยภาพของชาวประมงในเขตเทศบาลตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลักคือชาวประมง จำนวน 10 ท่าน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้หลักธรรมาภิบาลมาเป็นตัวชี้วัดและเสนอแนะวิธีการพัฒนาศักยภาพของชาวประมง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพ คือ ปัญหาการออกกฎหมายห้ามทำการประมงใกล้ชายฝั่งตั้งแต่ พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ทะเลชายฝั่งมีระยะนับจากแนวชายฝั่งทะเลออกไปสามไมล์ทะเล แนวทางการพัฒนาศักยภาพ และแนวทางการพัฒนาศัยภาพ คือ ชาวประมงต้องการขยายขอบเขตพื้นที่การทำประมง ในการออก พระราชกำหนดประมง ควรดูพื้นที่เฉพาะหรือให้อำนาจท้องถิ่นโดยกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น</p> <p><strong> </strong></p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: การเสริมสร้าง, ศักยภาพ, ทรัพยากรทางทะเล.</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/238 ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการกิจการสาธารณะแพขนานยนต์ ขององค์การบริหาร จังหวัดสงขลา 2024-04-17T10:08:42+07:00 วิกานดา อินทร์จันทร์ 631011635@tsu.ac.th วิชชาญ จุลหริก witchan.j30@icloud.com <p> บทความวิจัยเรื่อง “ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการกิจการสาธารณะแพขนานยนต์ขององค์การบริหารจังหวัดสงขลามีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการกิจการสาธารณะแพขนานยนต์ขององค์การบริหารจังหวัดสงขลา และข้อเสนอแนะในการดำเนินงานด้านการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ใช้บริการกิจการสาธารณะแพขนานยนต์ จำนวน 395 คน ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental sampling) เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามที่มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.74 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยะ และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า ความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการกิจการสาธารณะแพขนานยนต์ขององค์การบริหารจังหวัดสงขลา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.83 (𝒙̅=3.83, S.D.=0.180 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความรวดเร็ว /การเรียกเก็บค่าบริการ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.91 (𝒙̅=3.91, S.D.=0.230 ) รองลงมา คือ ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.81 (𝒙̅=3.83, S.D.=0.150 ) และด้านกระบวนการ/ขั้นตอนการให้บริการ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.77 (𝒙̅=3.77, S.D.=0.160 )</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong>: ความพึงพอใจ, บริการกิจการสาธารณะ, แพขนานยนต์, องค์การบริหารส่วนจังหวัด.</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/239 การศึกษาคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ 2024-05-03T13:22:59+07:00 กฤษกร ตันหุน 631011058@tus.ac.th วิชชาญ จุลหริก witchan.j30@icloud.com <p>บทความวิจัยเรื่อง “การศึกษาคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล จำนวน 387 คน ใช้วิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามที่มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.74 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการศึกษา พบว่า ระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตบริหารขององค์การส่วนตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.58 (𝒙̅=3.58) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความสัมพันธ์ทางสังคม อยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.90 (𝒙̅=3.90) รองลงมา ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม อยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.60 (𝒙̅=3.60) ด้านจิตใจ อยู่ในระดับสูง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.50 (𝒙̅=3.50) และ ด้านร่างกาย อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.30 (𝒙̅=3.30)</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong><strong>: </strong>คุณภาพชีวิต, องค์การบริหารส่วนตำบล.</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/278 The Alternative Dispute Resolution & Arbitration Measurement: Neo-Essential Adjudicative Jurisdiction to Learning Society 2024-04-17T12:03:26+07:00 ปณัยกร บุญกอบ panaikorn222@hotmail.com <p>This academic article is aimed to describe and contribute on the alternative dispute resolution &amp; arbitration measurement before collateral estoppel jurisdiction with a view toward civil and transparently Thai society at large. Additionally, economic loss was from Hopewell Holding Corporation to Hopeless which was being symbolic of public policy conflict of interests toward administrative tort prosecution between state and private sector on adjudication. The impasse of this phenology event had been resolved with the alternative dispute resolution &amp; arbitration for 29 years ago. Moreover, the crisis we were facing now has many surprises as pointed out throughout the structure of dual track economy in Thailand in which were reflected to the problem of corruption policy, civil livelihood, income allocation, ribbon development and human security and agricultural poverty.</p> <p> To conclude this academic article, it describes the implication of multi-dimensions disciplinary of neo-essential legal perspective dimension. Therefore, Thai society and a case study of public policy corruption orientation are proved the importance of legal instrument, alternative dispute resolution, negotiation &amp; bargaining effectiveness and arbitration measurement implementation efficiency of neo-essential adjudicate jurisdiction so as to resolve civil &amp; criminal lawsuits acceleration the long-life learning and knowledge based society.</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/288 นโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในกลุ่มประเทศอาเซียน 2024-05-03T12:51:09+07:00 วรภูริ มูลศิล worapuri0506@gmail.com ธนพัฒน์ จงมีสุข thanapat.jm@bru.ac.th <p>ประเทศที่มีประชากรสูงวัยมากที่สุด อันดับหนึ่งจีน 166.37 ล้านคน อันดับสอง ประเทศอินเดีย 84.9 ล้านคน อันดับสาม ประเทศสหรัฐอเมริกา 52.76 ล้านคน สำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียนประกอบด้วยประเทศสมาชิก 10 ประเทศ ในปี พ.ศ. 2567 ประเทศสิงคโปร์มีผู้สูงวัยคิดเป็น (17.3 %) มีผู้สูงวัยจำนวน 1.08 ล้านคน ของประชากรทั้งหมด 6.3 ล้านคน ประเทศไทยข้อมูลผู้สูงวัยมี (20 %) หรือประมาณ 13.2 ล้านคน ของประชากรทั้งหมด ขณะที เวียดนามมีผู้สูงวัยจำนวน 21 ล้านคน) (20.0 %) ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดิม (11.9 %) และคาดประมาณว่า ในอีก 30 ปีข้างหน้า คือ ปี พ.ศ. 2583 ทั้งสามประเทศก็จะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) นโยบายด้านสังคม ควรจะมีการจัดสวัสดิการสังคมให้กับประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเน้นบทบาทของรัฐ เป็นสวัสดิการพื้นฐาน เน้นความทั่วถึงและเป็นธรรม โดยการเน้นบทบาทของท้องถิ่น องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร</p> <p>นโยบายด้านเศรษฐกิจ จากมติคณะรัฐมนตรีของไทย ได้มีนโยบาย ด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อผู้สูงอายุในประเทศไทย ได้แก่การขยายอายุการทำงานช่วยเพิ่มรายได้ นโยบายเพิ่มทักษะของทำงานให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและผลกระทบทางเศรษฐกิจ สำหรับสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง (self-reliance) รัฐบาลเวียดนามได้ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุชาวเวียดนามได้กระตุ้นให้มีการเก็บเงินไว้ใช้เมื่อเกษียณ สำหรับแรงงานที่เป็นวัยรุ่น เพื่ออนาคตจะได้มีเงินใช้ดำรงชีวิตบั้นปลายของชีวิต รัฐบาลมาเลเซียได้เน้นนโยบายการให้คนมาเลเซียได้มีบ้านอาศัยอยู่อย่างมีคุณภาพ รวมถึงกระตุ้นภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการสร้างให้กับผู้สูงอายุในราคาถูกแต่มีคุณภาพ</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/276 การศึกษาการจัดทำคำของบประมาณในระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาคของประเทศไทย: กรณีศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ 2024-04-17T11:41:04+07:00 ปณัยกร บุญกอบ panaikorn5557@gmail.com <p><span style="font-weight: 400;">ระบบจัดการด้านการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบงานด้านงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล การสร้างระเบียบวินัยทางการคลังด้วยกรอบการทำงานของธรรมาภิบาลทางด้านการคลัง (Good Fiscal Governance) และเน้นการกระจายอำนาจทางการคลัง (Fiscal Decentralization) เพื่อทำให้ประชาสังคมและประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด หรือสร้างประชารัฐ (Civil State) โดยเน้นที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">การวิจัยครั้งนี้พัฒนาขึ้นตามวิธีการทางด้านระเบียบกระบวนการทางด้านงบประมาณ (Budgeting Cycle) ลำดับขั้นตอนวัฎจักรการพัฒนาระบบเริ่มจากการเก็บข้อมูลความต้องการของผู้ใช้ โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง อีกทั้งสภาพัฒนาเศรษฐกิจและการคลังในการประสานการทำงานอย่างเป็นองค์รวมและบูรณาการทั้งผู้อำนวยการคลังจังหวัด หัวหน้าส่วนงานกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ ประกอบกับการสัมภาษณ์ทางด้านวิชาการเกี่ยวกับองค์ความรู้และข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Information) ของผู้ใช้เอกสารงบประมาณโดยการศึกษาจากเอกสารคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เอกสารที่เกี่ยวข้องและสัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้อง จากนั้นทำการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ บุคลากร การออกแบบระบบได้ใช้วิธีการจากสำนักงบประมาณ</span></p> <p><span style="font-weight: 400;">ผลการวิจัยครั้งนี้ทำให้ได้ระบบการบริหารการจัดการทางด้านการเงินและการคลัง ด้านงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดศรีสะเกษซึ่งทำงานภายใต้ระบบบริหารราชการส่วนภูมิภาค จังหวัดศรีสะเกษโดยมีการทำงานภายใต้ระบบเครือข่ายของฐานข้อมูลทางการคลัง (GFMIS: Government Fiscal Management Information System) และมีระบบรองรับของจังหวัดคือ Client Server Back-up ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลด้านการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและสามารถนำเสนอสารสนเทศด้านการใช้จ่ายเงินงบประมาณผู้บริหารของจังหวัดศรีสะเกษ</span></p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JPALI_BRU/article/view/413 การปกครองของรัฐและกฎหมาย: สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ 2024-06-15T11:48:13+07:00 อุทิศ ทาหอม arm.utit.tahom@gmail.com <p>บทความวิชาการเรื่อง "การปกครองของรัฐและกฎหมาย: สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ" ได้ศึกษาและนำเสนอเกี่ยวบทบาทของการปกครองของรัฐและกฎหมายในมิติของสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ โดยมุ่งเน้นถึงความสำคัญของการมีรัฐบาลและกฎหมายในการสร้างความสงบเรียบร้อย การปกป้องสิทธิของพลเมือง และส่งเสริมความดีส่วนรวม โดยนำเสนอถึงที่มาของการปกครองของรัฐและกฎหมายตั้งแต่ยุคอารยธรรมโบราณ เช่น กฎหมายฮัมมูราบี กฎหมายของกรีซ และกฎหมายโรมัน ไปจนถึงยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และยุคความชัดเจนของกฎหมาย ซึ่งแต่ละยุคมีการพัฒนาที่สำคัญที่ส่งผลต่อระบบกฎหมายสมัยใหม่ นอกจากนี้บทความนี้ยังได้อธิบายถึงหลักการของการแบ่งแยกอำนาจ เป็นพื้นฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ เพื่อป้องกันการรวมตัวของอำนาจและรับรองการตรวจสอบและถ่วงดุล พร้อมทั้งนำเสนอสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมหาชน เช่น เสรีภาพในการพูด การชุมนุม และการนับถือศาสนา รวมถึงหน้าที่ของพลเมือง เช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การจ่ายภาษี และการมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางกฎหมายและจริยธรรม และการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงการปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายและหลักจริยธรรม การใช้อำนาจอย่างเหมาะสมและการหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย</p> 2024-07-01T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการบริหารรัฐกิจและท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์