วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (JRIS) https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS <p>วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Journal of Research and Innovation for Sustainability; JRIS) มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่บทความวิจัย (Research article) บทความปริทัศน์ (Review article) บทความวิชาการ (Academic article) และบทวิจารณ์หนังสือ (Book Review) แก่นักวิจัย นักวิชาการ ครู คณาจารย์ และนักศึกษา ในสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ การศึกษา รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ วัฒนธรรมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ การพัฒนาชุมชน จิตวิทยาทั่วไปและการแนะแนว รวมถึงสหวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> th-TH <p><strong>การอนุญาตลิขสิทธิ์</strong></p> <p> การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ หรือสิ่งอื่นใดของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้รายใดมีความต้องการที่จะอ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือเชื่อมโยงไปยังข้อความทั้งหมดของบทความ รวบรวมข้อมูลสำหรับการจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใดเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือมีเจตนาเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ บทความทุกฉบับที่ถูกเผยแพร่ในวารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนจะเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า (Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License: <a href="https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/">https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/</a>)</p> jrisilid@gmail.com (Asst Prof. Witsanu Suttiwan) pathompong.chu@kkumail.com (Mr. Pathompong Chummongkol) Mon, 28 Oct 2024 21:28:17 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21: ด้านทักษะการคิดวิเคราะห์ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/554 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 โดยใช้การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ เด็กปฐมวัยชาย–หญิง อายุ 3-5 ปี ระดับชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิจำนวน 25 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 จำนวน 24 แผน และแบบประเมินทักษะการคิดวิเคราะห์สำหรับเด็กปฐมวัย ดำเนินการกึ่งทดลองเป็นตามแบบแผนการทดลอง (The One-Group Pretest-Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า ผลรวมค่าเฉลี่ยแบบประเมินทั้ง 3 ด้าน ค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 2.74, (<em>S.D.</em>) 0.19 อยู่ในระดับปานกลาง และหลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 3.96, (<em>S.D.</em>) 0.14 อยู่ในระดับมากที่สุด สรุปได้ว่า กิจกรรมเสริมประสบการณ์เรียนรู้พัฒนาการคิดวิเคราะห์ในด้านการหาความสัมพันธ์ การคิดให้เหตุผล และการคิดแก้ปัญหา ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้เด็กสามารถแก้ไขปัญหา รวมทั้งสามารถเลือกตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและมีเหตุผล</p> กมลวรรณ สุคะโต, ทิพย์อักษร พุทธสริน, Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (JRIS) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/554 Mon, 28 Oct 2024 00:00:00 +0700 การประเมินความต้องการจำเป็นด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/586 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 2) การประเมินความต้องการจำเป็นด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จำนวน 331 คน โดยการเปิดตารางการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างวิจัยของเครจซีและมอร์แกน สุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน การสุ่มแบบแบ่งชั้นและการสุ่มอย่างง่ายตามสัดส่วน เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามมีค่าความสอดคล้องรายข้ออยู่ระหว่าง .80 – 1.00 และค่าความเที่ยง .94 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย<br />การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าความต้องการจำเป็น (PNI<sub>Modified</sub>) ผลการวิจัยพบว่า 1. ) สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พบว่า 1.1) สภาพปัจจุบันด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสูดคือ ด้านมนุษยธรรม รองลงมา คือ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านธรรมาภิบาล ด้านกฎหมาย และด้านเศรษฐกิจ 1.2) สภาพที่พึงประสงค์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสูด คือ ด้ามนุษยธรรม รองลงมา คือ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านธรรมาภิบาล ด้านกฎหมาย และด้านเศรษฐกิจ 2) การประเมินความต้องการจำเป็นด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด คือ ด้านกฎหมาย ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านมนุษยธรรม ด้านธรรมาภิบาล และด้านเศรษฐกิจ ตามลำดับ</p> สมศักดิ์ จัตตุพรพงษ์, ศักดา สถาพรวจนา, วิลินดา พงศ์ธราธิก Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (JRIS) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/586 Mon, 28 Oct 2024 00:00:00 +0700 การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21: ด้านทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/556 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารและความร่วมมือสำหรับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 โดยใช้การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ เด็กปฐมวัยชาย–หญิง อายุ 3-5 ปี ระดับชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิจำนวน 25 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารและความร่วมมือสำหรับเด็กปฐมวัยในศตวรรษที่ 21 จำนวน 24 แผ่น แบบประเมินทักษะการสื่อสาร และแบบสังเกตพฤติกรรมความร่วมมือสำหรับเด็กปฐมวัย การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) ตามแบบแผนการทดลอง (The One-Group Pretest-Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า ผลการประเมินทักษะการสื่อสารสำหรับเด็กปฐมวัย รวมผลประเมินทั้ง 3 ด้าน ก่อนทดลอง ค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 2.54, (<em>S.D.</em>) 0.51 แปลผลระดับน้อย และหลังทดลอง ค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 4.03, (<em>S.D.</em>) 0.15 แปลผลระดับมากที่สุด ผลการประเมินทักษะความร่วมมือสำหรับเด็กปฐมวัย พบว่า รวมผลประเมินทั้ง 3 ด้าน ก่อนการทดลอง ค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 2.55, (<em>S.D.</em>) 0.01 แปลผลระดับน้อย และหลังการทดลอง ค่าเฉลี่ย (<em>M</em>) 4.23, (<em>S.D.</em>) 0.26 แปลผลระดับมากที่สุด</p> กนกอร สังข์จันทร์, ทิพย์อักษร พุทธสริน, กมลวรรณ สุคะโต Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (JRIS) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/556 Mon, 28 Oct 2024 00:00:00 +0700 ผลของการจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับบัตรคำศัพท์ภาษาจีนเพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ จังหวัดนนทบุรี https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/597 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับบัตรคำศัพท์ภาษาจีน ระหว่างหลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดการเรียนรู้แก่นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับบัตรคำศัพท์ภาษาจีน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือนักเรียนนประถมศึกษาปีที่ 6/1 ห้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ (Mini English program) ที่มีนักเรียน จำนวน 30 คน โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ จังหวัดนนทบุรี ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) ด้วยการจับสลาก (Lottery) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) บัตรคำศัพท์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) สถิติที่ใช้วิเคราะห์ผลการทดลอง คือ การทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาจีนด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับบัตรคำศัพท์ภาษาจีนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติที่ .05 และนักเรียนที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับบัตรคำศัพท์ภาษาจีนมีความพึงพอใจในภาพรวมของการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากหรือคะแนนเฉลี่ย 4.07 (<em>S.D.</em>=1.09)</p> กัญญา จำปาพันธ์, พัณณ์ชิตา โชว์ธนะพานิช, ทักษิณ แก้วประเสริฐ Copyright (c) 2024 วารสารวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (JRIS) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so17.tci-thaijo.org/index.php/JRIS/article/view/597 Mon, 28 Oct 2024 00:00:00 +0700