การพัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้ บี-สลิม โมเดล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Main Article Content

นงพงา ศรีปินตา
ปริญญภาษ สีทอง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดย ใช้ บี-สลิม โมเดล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2) ศึกษาผลการใช้หลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดย ใช้ บี-สลิม โมเดล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านแม่ทะ จำนวน 20 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 โดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ หลักสูตรและคู่มือการใช้หลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้ บี-สลิม โมเดล แบบทดสอบทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test)


          ผลวิจัยพบว่า


  1. ผลการพัฒนาหลักสูตรและประเมินคุณภาพหลักสูตร

                   1.1  หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นคือหลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้ บี-สลิม โมเดลสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ประกอบด้วย 11 องค์ประกอบคือ 1) ความนำ 2) หลักการของหลักสูตร 3) จุดมุ่งหมายของหลักสูตร 4) มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด 5) คำอธิบายรายวิชา 6) ผลการเรียนรู้ 7) โครงสร้างและเนื้อหาของหลักสูตร 8) กิจกรรมการเรียนรู้ 9) การจัดการเรียนรู้ของหลักสูตร 10) สื่อและแหล่งเรียนรู้ 11) การวัดและการประเมินผล


                   1.2  ในภาพรวมของหลักสูตรมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก( x̅= 4.21 S.D=0.67) และคู่มือการใช้หลักสูตร (x̅= 4.40  S.D=0.60) 


  1. ผลใช้หลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

Article Details

How to Cite
ศรีปินตา น., & สีทอง ป. (2022). การพัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร โดยใช้ บี-สลิม โมเดล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 1(2), 77–94. สืบค้น จาก https://so17.tci-thaijo.org/index.php/Edu/article/view/443
บท
บทความวิจัย

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

เกศสุดา ปงลังกา. (2550). การศึกษาการใช้กิจกรรมบทบาทสมมติในการพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. (ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ณีราวรรณ จิตตรีนิตย์. (2552). ผลการจัดกิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาทักษะการพูดเพื่อสื่อสาร สำหรับนักเรียนนักเรียนกลุ่มกิจกรรมพิเศษระดับประถมศึกษาตอนปลาย. (ปริญญานิพนธ์สื่อสารสำหรับนักเรียนนักเรียนกลุ่มกิจกรรมพิเศษระดับประถมศึกษาตอนปลาย. ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.

ทัศนีย์ ธราพร. (2556). การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการรุนแรงโดยใช้รูปแบบการสอนแบบเน้นภาระส่งเสริมทักษะการสื่อสาร. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต หลักสูตรและการสอน). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ธูปทอง กว้างสวัสดิ์ . (2549). การสอนภาษาอังกฤษ. ภาควิชาหลักสูตรและการสอนคณะศึกษาศาสตร์ มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

พิจิตรา ทีสุกะ. (2556). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน โดยใช้วิจัยเป็นฐานวิชาการพัฒนาหลักสูตรสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. (วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต หลักสูตรและการสอน). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

เพชรปาณี อินทรพาณิชย์ และคณะ. (2559 ).การพัฒนาหลักสูตรเสริมเพื่อเสริมสร้างทักษะการคิด วิเคราะห์ สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลสกลนคร. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม. 2(2),8-15.

วรรณา ช่องดารากุล . (2558). การประชุมวิชาการนานาชาติด้านการศึกษาพิเศษ ครั้งที่ 1 “นวัตกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้และการจัดการเรียนการสอน” กรุงเทพฯ: รุ่งเรืองธรรม.

ราชกิจจานุเบกษา. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.

วัฒนา ตรงเที่ยง. (2553). การพัฒนาหลักสูตรระดับชั้นเรียนเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร

ศันสนะ มูลทาดี. (2559). การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ด้วยวิธีแสดงบทบาทสมมุติ. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต ภาษาศาสตร์ประยุกต์การสอนภาษาอังกฤษ). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม.

สิริวรรณ คุ้มบ้าน. (2550). การพัฒนาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเพิ่มเติม ท 40207 วรรณกรรมพื้นบ้านสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาช่วงชั้นที่ 4 จังหวัดราชบุรี. (วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต การสอนภาษาไทย). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สุกัญญา ศิลปะระสารท. (2544). การพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้กิจกรรมบทบาทสมมติ. (ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต การสอนภาษาอังกฤษ). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

สําลี รักสุทธี. (2544). เทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอนและเขียนแผนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสําคัญ. กรุงเทพฯ: พัฒนาศึกษา.

สมพร หลิมเจริญ. (2552). การพัฒนาหลักสูตรเสริมเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2. (ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต การวิจัยและพัฒนาหลักสูตร). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.

อริสรา ธนาปกิจ. (2555). อังกฤษพ้นกรอบ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: เวิร์คพอยท์.

อรญา บำรุงกิจ. (2558). กลวิธีการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย: กรณีศึกษา โรงเรียนสาธิตอุดมศึกษา จังหวัดชลบุรี. (วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตร มหาบัณฑิตภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

Beauchamp, G.A. (1981). A curriculum Theory. 4th ed. Boston: Peacock.

Bloom, S. (1976). Human Characteristics and School Learning.: McGraw Hill.

Cronbach, L.J. (1963). “ Course Improvement Through Evaluation”. Teachers College Record. 64: 672-683.

Finocchiaro, Mary and C. Brumfit. (1983). The Functional – Notional Approach : From Theory to Practice. London : Oxford University Press.

Harmer, Jeremy. (2001). The Practice of English Language Teaching. 3th ed. London: Longman.

Maslow, A.H. (1970). Motivation and personality. New York: Harper and Row.

Taba, Hilda. (1962). Curriculum Delvelopment, Theory and Practice. New York: Harcourt,Brace.

Trilling, Bernie and Charles Fedel. (2009). 21st Century Skills: Learing for Life in Our Times. New York: John Wiley& Sons.

Tyler, Ralph W. (1950). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The University of Chicago Press.