การออกแบบกระบวนการเรียนรู้สำหรับปรับพื้นฐานการอ่าน การพูด และการเขียน ภาษาไทย แก่นักเรียนชาติพันธุ์ มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตชุมชนการเรียนรู้สมเด็จย่า วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แม่แจ่ม
คำสำคัญ:
พื้นฐานการเรียน, นักเรียนชาติพันธุ์, การออกแบบกระบวนการเรียนรู้บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะการอ่าน การพูด และการเขียนภาษาไทย 2) วัดประสิทธิภาพของกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะการอ่าน การพูด และ การเขียนภาษาไทยแก่นักเรียนโรงเรียนสาธิตชุมชนการเรียนรู้สมเด็จย่า วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มศว แม่ แจ่ม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ที่เป็น นักเรียนชาติพันธุ์และมีปัญหาด้านการอ่าน การพูด และการเขียนภาษาไทย จำนวน 21 คน เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านการอ่าน การพูด และการเขียนภาษาไทย 2) แบบทดสอบการวัดความรู้พื้นฐานการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีสำหรับ กลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน โดยมีผลการหาคุณภาพเครื่องมือแผนการจัดการเรียนรู้ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยได้ค่า IOC ที่ 0.95 และแบบทดสอบการวัดความรู้พื้นฐานการเรียนรู้ของผู้เรียน วิเคราะห์ดัชนี ความสอดคล้อง (IOC) โดยได้ค่า IOC ที่ 0.80
ผลการวิจัยพบว่า
1) ได้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะด้านการอ่าน การพูด และการเขียนภาษาไทย จำนวน 16 แผน
2) ผลการประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะด้านการอ่าน การพูด และการเขียน ภาษาไทย ที่ผ่านการจัดกระบวนการการเรียนรู้แล้ว มีผลการประเมินสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกระบวนการ การจัดการ เรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Downloads
References
กรมวิชาการ.(2546). คู่มือแนวการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ณัฐยาน์ การุญ. (2554). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลักภาษาไทยและความสนใจในการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ที่สอนโดยบทเรียนสําเร็จรูปกับการสอนตามคู่มือครู. (ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยศรีนครินทรวิโรฒ,กรุงเทพฯ).
ศรชัย มุ่งไธสง และคณะ. (2560). สภาพและปัญหาการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยของนักเรียนบนพื้นที่สูงกลุ่มโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จังหวัดเชียงราย. วารสารสังคมศาสตร์วิชาการปีที่ 10 ฉบับพิเศษ.
สายฝน แสนใจพรม และ สำเนา หมื่นแจ่ม. (2565). การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับการอ่านและการเขียนของนักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน: กรณีศึกษาโรงเรียนบ้านใหม่พัฒนาสันติและโรงเรียนบ้านแม่ลางิ้ว. วารสารบัณฑิตวิจัย, 13(2).
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2552). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2511.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการที่ 1. (2554). การศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการประสานงานของหน่วยงานด้านเยาวชนในระบบโรงเรียน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
อภิรดี ไชยกาล. (2561). การสอนภาษาไทยเป็นภาษาที่สองสำหรับเด็กชาติพันธุ์เขมรถิ่นไทย
อังคณา สายยศ,และคณะ. (2541). การศึกษาและพัฒนาระดับเชาวน์ปัญญาของนักเรียนประถมศึกษาในอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก. ภาควิชาการวัดผลและวิจัยการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
อาภาภรณ์ ดิษฐเล็ก. (2556). การสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงคำศัพท์ในแบบเรียนวิชาภาษาไทยของ นักเรียนชาวจีน : กรณีศึกษานักเรียนวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการอาชีพ มณฑลยูนนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน. วิทยาลัยราชพฤกษ์:นนทบุรี.
Brown, W.B., & Moberg, D.J. (1980). Organization theory and management: Approach. New York :John Wiley and Sons.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเอง