การพัฒนานวัตกรรมทางการตลาดยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวัง ในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพปัญหาการตลาดของยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวัง ในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา และ 2) เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการตลาดยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวังในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา การศึกษานี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 18 คน ทำการวิจัยเชิงปริมาณในการเก็บรวบรวมข้อมูล และทำการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จากนั้นทำการสนทนากลุ่มเฉพาะเพื่อยืนยันนวัตกรรมทางการตลาดยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวัง ในเขตพื้นที่อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบัน สภาพปัญหาการตลาดของยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวัง ในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 30-39 ปี มีระดับการศึกษาปริญญาตรี รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 – 20,000 บาท อาชีพรับจ้างทั่วไป และเคยใช้ผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพร ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนประสมทางการตลาด ด้านผลิตภัณฑ์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านราคา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านการส่งเสริมทางการขาย โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ด้านส่วนประสมทางการตลาด 4Ps ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ มีรูปร่าง ขนาด กลิ่น สวยงาม และมีความหลากหลาย ด้านราคามีราคา 150 – 250 บาท ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น Facebook Shopee และด้านการส่งเสริมการตลาด การให้โฆษณาประชาสัมพันธ์ ของแถม ในด้านการตลาด 5.0 ต้องการทำการตลาดด้วยข้อมูล การตลาดฉับไว การตลาดเชิงคาดการณ์ การตลาดเชิงบริบท การตลาดเสริมศักยภาพ และ 2) ผลการพัฒนานวัตกรรมทางการตลาดยาหม่องสมุนไพรต้าลี่หวังในเขตพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ส่วนประสมทางการตลาด 4Ps และการตลาด 5.0 มีความสัมพันธ์กันคือ การทำการตลาดต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการให้สอดคล้องและเหมาะสมกับเทคโนโลยีตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป พบว่าทุกองค์ประกอบของการตลาด 5.0 มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่ช่วยส่งเสริมให้ทฤษฎีส่วนประสมทางการตลาดมีศักยภาพมากขึ้น
Article Details
References
ไทยคู่ฟ้า. (2565). Thailand 4.0 ขับเคลื่อนอนาคตสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน. สืบค้นจาก https://spm.thaigov.go.th/FILEROOM/spm-thaigov/DRAWER004/GENERAL/DATA0000/00000368.PDF.
ธนภณ นิธิเชาวกุล และเชาว์ โรจนแสง. (2556). โมเดลเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ตราสินค้าผลิตภัณฑ์เวชสำอางสมุนไพรไทย ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 21(37), 211-238.
เบญจวรรณ บวรกุล, ภาวรรณรัตน์ วัฒนานิมิตกูล, พระมหาประกาศิต ฐิติปสิทธิกร และพระปลัดประพจน์ อยู่สําราญ. (2566). การพัฒนาตลาดท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์เชิงรุกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเกษตรจังหวัดนครปฐม. สยามวิชาการ, 24(1), 35-56.
ศลิษา พิบูลย์สวัสดิ์. (2567). การตลาด 5.0 กับธุรกิจเครื่องสำอางเพื่อการส่งออก. วารสารสหวิทยาการนวัตกรรมปริทรรศน์, 7(1), 368-382.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย. (2561). แนวโน้มแนวโน้มภาคการท่องเที่ยว และแนวโน้มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องปี 2561. สืบค้นจาก https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-econ/business/Pages/36759.aspx.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). รายงานประจำปี 2561 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. 1-10. สืบค้นจาก https://www.nesdc.go.th/download/article/article_20190304120527.pdf.
สุตาภัทร คงเกิด. (2563). การศึกษาการพัฒนากลยุทธ์การตลาดเชิงเนื้อหาออนไลน์ ของกลุ่มธุรกิจหัตถกรรมผ้าทอ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(2), 67-88.
Best W. John. (1997). Research in Education. (7th ed.). Boston: Allyn and Bacon.
Boonsawang, A. (2016). Brand and Packaging Design for Promoting Food Product Identity in Southern Border Province. MUT Journal of Business Administration, 13(2), 33-60.
Marketeer. (2017). การจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ “สมุนไพรไทย”. สืบค้นจาก https://marketeeronline.co/archives/151716.
Suvannin, W. (2016). Introduction to international business (cross-border trade). Bangkok, Thailand: Ramkhamhaeng University.
Wandee, N. (2016). Business Knowledge Processing Herbal Inhaler: Edible Knowledge Box Project. Office of Knowledge Management and Development (Public Organization). Retrieved from http://www.okmd.or.th.