การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎของโอห์มและความต้านทาน โดยใช้การ จัดการเรียนรู้ โดยใช้สมองเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์

Main Article Content

ชุติสรา คำศรี
วงกต จุลรังสี
วลิดา อุ่นเรือน

บทคัดย่อ

รายงานการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อทดลองและศึกษาผลการทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องกฎของโอห์มและความต้านทาน
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 2. เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีต่อการทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน  สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง กฎของโอห์มและความต้านทาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 แผนการเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ (Pre Engineering Program : PEP) ที่เรียนรายวิชาฟิสิกส์ 4 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ปีการศึกษา 2565  จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 26 คน ซึ่งได้มาโดยการเทียบเคียงกับการสุ่มตัวอย่างความน่าจะเป็นอย่างง่ายโดยเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
1.แผนการจัดการเรียนรู้  2.แบบทดสอบวัดทักษะทางการเรียน  3.แบบประเมินความพึงพอใจ
โดยผลการวิจัยพบว่า 1. คะแนนก่อนเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มีผลการเรียนรู้ที่ระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ตามเกณฑ์ของสพฐ. ในขณะที่คะแนนหลังเรียนที่มีการใช้รูปแบบการสอนแบบใช้สมองเป็นฐาน มีผลการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ตามเกณฑ์เดียวกัน 2. เมื่อทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบพบว่า ระดับผลการเรียนรู้หลังเรียนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบใช้สมองเป็นฐาน สูงกว่าผลการเรียนรู้ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 หรือที่ระดับความเชื่อมั่น 95%  3. เมื่อทำการประเมินระดับความพึงพอใจซึ่งกำหนดเป็น 6 ด้าน พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อด้าน มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด รองลงมาคือด้านผู้สอน ด้านการวัดและประเมินผลมีความพึงพอใจระดับมากที่สุด และลำดับสุดท้ายคือด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านบรรยากาศ
ในชั้นเรียน ด้านสื่อ มีความพึงพอใจระดับมาก

Article Details

How to Cite
คำศรี ช. ., จุลรังสี ว. ., & อุ่นเรือน ว. . (2024). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎของโอห์มและความต้านทาน โดยใช้การ จัดการเรียนรู้ โดยใช้สมองเป็นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 โรงเรียนอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 2(1), 47–62. สืบค้น จาก https://so17.tci-thaijo.org/index.php/Edu/article/view/451
บท
บทความวิจัย

References

กรมวิชาการ. (2546 ). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ .ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อักษรไทย.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์กรมการศาสนา.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย

เกศสุดา ใจคำ. (2552). การศึกษาไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0. สืบค้น (15 สิงหาคม 2565), จาก http://km.li.mahidol.ac.th/

ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์. (2559). การพัฒนานักศึกษาสู่ Thailand 4.0. สืบค้น (15 สิงหาคม 2565), จาก http://www.moe.go.th/mobile1/

พรพิไล เลิศวิชา อัครภูมิ จารุภากร. (2550). ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ โดยเข้าใจสมอง. กรุงเทพฯ: สถาบันวิทยาการการเรียนรู้.

มาลินี สร้อยดอกไม้. (2560). ผลการใช้กระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิดพัฒนาการทางสมองประกอบชุดฝึกเขียนเรียงความที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการเขียนเรียงความของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดนาห้วย(แสงกล้าประชาสรรค์) อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. (ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตร์บัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

รัตน์วิสาณ งามสม . (2562). การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. (ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

วิจิตตรา จันทร์ศิริ. การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ โดยใช้สมองเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ของเด็กปฐมวัย. (ดุษฎีนิพนธ์ศึกษาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต), ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

ศันสนีย์ ฉัตรคุปต์ และอุษา ชูชาติ. (2545). การเรียนรู้ รูปแบบใหม่ : ยุทธศาสตร์ ด้านนโยบายและการใช้ทรัพยากร. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์.

อัครเดช เกตฉ่ำ และคณะ. (2559). การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Measurement and Evaluation). สืบค้น (20 มกราคม 2566). จาก https://identity.bsru.ac.th/archives/2617