ความต้องการจำเป็นและแนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย สำหรับวิทยาลัยชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย สำหรับวิทยาลัยชุมชน 2) ศึกษาแนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย สำหรับวิทยาลัยชุมชน ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ อาจารย์วิทยาลัยชุมชน จำนวน 359 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ อาจารย์วิทยาลัยชุมชน จำนวน 189 คน กำหนดขนาดโดยใช้สูตรของ Taro – Yamane ผู้ให้ข้อมูลสำคัญเป็นผู้ทรงุณวุฒิ จำนวน 12 คน ประกอบด้วย 1) ผู้บริหารหรือผู้แทนระดับสถาบันวิทยาลัยชุมชน 2) ผู้บริหารหรือผู้แทนระดับวิทยาลัยชุมชน 3) อาจารย์หรือนักวิชาการที่ปฏิบัติงานระดับอุดมศึกษา และ 4) หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ วิจัยและนวัตกรรม หรืออาจารย์ที่มีบทบาทตามพันธกิจด้านการวิจัยระดับวิทยาลัยชุมชน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบสอบถามความต้องการจำเป็นการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย สำหรับอาจารย์วิทยาลัยชุมชน และ 2) แบบสัมภาษณ์แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น และใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา แล้วพรรณนาเป็นความเรียง ผลการวิจัยพบว่า 1) อาจารย์วิทยาลัยชุมชน มีความต้องการจำเป็นในการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัยเรียงลำดับความสำคัญ คือ ด้านทักษะการวิจัย (PNImodified = 0.221) ด้านความรู้การวิจัย (PNImodified = 0.204) และด้านทัศนคติหรือคุณลักษณะ (PNImodified = 0.163) และ 2) ได้แนวทางการเสริมสร้างสมรรถนะการวิจัย : กรอบ 7P เพื่อขับเคลื่อนวิทยาลัยชุมชน (CC-7P) ประกอบด้วย 7 แนวทาง ได้แก่ : 1) Policy Support : นโยบายส่งเสริมวิจัย 2) People Development : พัฒนาบุคลากรด้านวิจัย 3) Partnership Building : สร้างเครือข่ายการวิจัย 4) Platform & Mechanism : กลไกและแพลตฟอร์มสนับสนุน 5) Progress Recognition : เส้นทางและแรงจูงใจสู่ความก้าวหน้า 6) People Participation : การมีส่วนร่วมของชุมชน และ 7) Pedagogical Integration : บูรณาการวิจัยกับการเรียนการสอนและบริการวิชาการ
Article Details
References
กุลชาติ พันธุวรกุล และเมษา นวลศรี. (2564). ความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยในชั้นเรียนของครูปฐมวัย สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดปทุมธานี. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 11(3), 1–15.
ขจรศักดิ์ วงศ์วิราช, ธิติมา คุณยศยิ่ง, ณรงค์ คชภักดี และดวงใจ พุทธวงศ์. (2565). แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการพัฒนาสมรรถนะนักวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 4(2), 107–122.
ชูชัย สมิทธิไกร. (2552). การสรรหาคัดเลือกและการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: วี.พรินท์.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ประทินทิพย์ พรไชยยา. (2561). การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 23. วารสารวิชาการสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค, 4(1), 25–36.
รุ่งนภา ตั้งจิตรเจริญกุล, วิชุดา กิจธรธรรม และจันทร์เพ็ญ ตั้งจิตรเจริญกุล. (2564). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็นสมรรถนะที่พึงประสงค์ของอาจารย์ระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏ. วารสารครุพิบูล, 8(2), 195–215.
สถาบันวิทยาลัยชุมชน. (2563). รายงานประจำปี 2563 สถาบันวิทยาลัยชุมชน. กรุงเทพฯ: สถาบันวิทยาลัยชุมชน.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2566). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570). สืบค้นจาก https://www.nesdc.go.th.
สิน งามประโคน, พีรวัฒน์ ชัยสุข, พระครูภัทรธรรมคุณ, พระมหาสมบัติ ธนปญฺโญ และเกษม แสงนนท์. (2562). การบริหารการศึกษา: แนวคิด ทฤษฎีและรูปแบบการบริหารจัดการ. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์, 6(3), 134–146.
สุรสิทธิ์ สิทธิอมร. (2559). การพัฒนาสมรรถนะด้านการวิจัยและพัฒนาด้วยการเสริมสร้างพลังและการรับรู้ความสามารถของตน สำหรับครูมัธยมศึกษา. วารสารวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 10(2), 174–185.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2562). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
McClelland, D. C. (1973). Testing for competence rather than for “intelligence”. American Psychologist, 28(1), 1–14.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis. (3rd ed.). New York: Harper & Row.