การส่งบทความ
รายการตรวจสอบก่อนส่งบทความ
ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด
- บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ)
- บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word
- มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
- บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16pt(ในภาษาไทย) และ 12 pt(ในภาษาอังกฤษ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้แต่ง (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นตามข้อกำหนดของวารสาร
- บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines)
คำแนะนำผู้แต่ง
แนวทางการเตรียมต้นฉบับบทความสำหรับผู้เขียน (ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
เพื่อให้บทความมีความถูกต้อง มีมาตรฐานตามหลักสากล กองบรรณาธิการวารสาร JHAT จึงกำหนดแนวทางการเขียนต้นฉบับบทความสำหรับผู้เขียนดังต่อไปนี้
- 6. คำแนะนำในการเขียนและการพิมพ์
6.1 ขนาดกระดาษที่ใช้กำหนดให้ใช้ขนาด A 4
6.2 การกำหนดขอบกระดาษในแต่ละหน้าให้มีขอบเขตดังนี้ จากขอบบนของกระดาษ 1.25 นิ้ว ขอบล่าง 1.0 นิ้ว ขอบซ้าย 1.25 นิ้ว ขอบขวา 1.0 นิ้ว
6.3 ระยะห่างระหว่างบรรทัด หนึ่งช่วงบรรทัดของเครื่องคอมพิวเตอร์ 8 point
6.4 การจัดหน้าเป็นแบบ 1 คอลัมน์
6.5 ตัวอักษรและขนาดตัวอักษร ภาษาไทยและภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรแบบ TH SarabunPSK โดยจัดพิมพ์
ตามกำหนดดังนี้
(1) ชื่อเรื่อง (Title)
1) ภาษาไทย ขนาด 18 point กำหนดตรงกลางหน้าและใช้ตัวหนา
2) ภาษาอังกฤษ (ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่) ขนาด 18 point กำหนดตรงกลางหน้ากระดาษและใช้
ตัวหนา
3) บทความจากวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของการศึกษา ให้ระบุข้อความไว้ที่เชิงอรรถ เช่น
"บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์เรื่อง..." หรือ "บทความนี้ปรับปรุงจากวิทยานิพนธ์เรื่อง..." พร้อมระบุปริญญา สาขาวิชา สถาบัน และปี
4) ชื่อเรื่องไม่ควรยาวเกินไปหรือสั้นเกินไป โดยต้องครอบคลุมเนื้อหาและขอบเขตการศึกษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
(2) ชื่อผู้เขียน (ถ้ามีมากกว่า 1 คนให้ระบุทุกคน)
1) ชื่อผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาด 16 point กำหนดชิดขวาของหน้ากระดาษ
2) ชื่อหน่วยงานของผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาด 16 point กำหนดชิดขวาของ
หน้ากระดาษ
3) ชื่อที่อยู่อีเมล์ ขนาด 14 point, กำหนดชิดขวาของหน้ากระดาษ (ทุกคน)
(3) บทคัดย่อ (Abstract)
1) ชื่อ “บทคัดย่อ” และ “Abstract” ขนาด 16 point กำหนดกึ่งกลางหน้ากระดาษและใช้
ตัวหนา
2) ข้อความบทคัดย่อภาษาไทย ขนาด 16 point กำหนดชิดขอบกระดาษและใช้ตัวธรรมดา
3) ข้อความบทคัดย่อภาษาอังกฤษ ขนาด 16 point กำหนดชิดขอบกระดาษและใช้ตัวธรรมดา
4) ย่อหน้า 0.5 นิ้ว
5) บทคัดย่อ (Abstract) เป็นการสรุปสาระสำคัญของเรื่องความยาวประมาณ 150 – 250 คำมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยคำว่า Abstract เฉพาะตัวอักษรนำ (A) ให้ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ และคำสำคัญ (Keyword) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 3-5 คำ ผู้เขียนต้องตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์และการใช้ภาษาของบทคัดย่อให้ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาและหลักภาษาศาสตร์
(4) คำสำคัญ (Keyword) ให้พิมพ์ต่อจากส่วนของบทคัดย่อ (Abstract) ควรเลือกคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบทความ ประมาณ 3-5 คำ ใช้ตัวอักษรภาษาไทย/ภาษาอังกฤษ ขนาด 16 point
(5) รายละเอียดบทความ
1) หัวข้อใหญ่ ขนาด 16 point, กำหนดชิดซ้ายของหน้ากระดาษและใช้ตัวหนา (ไม่ลำดับเลข)
2) หัวข้อรอง ขนาด 16 point กำหนดชิดซ้ายของหน้ากระดาษและใช้ตัวหนา
3) ตัวอักษร ขนาด 16 point กำหนดชิดขอบกระดาษและใช้ตัวธรรมดา
4) ย่อหน้า 0.5 นิ้ว
(6) ส่วนประกอบของประเภทบทความ
1) บทความทางวิชาการ ประกอบด้วย บทนำ เนื้อหา บทสรุป และเอกสารอ้างอิง
2) บทความวิจัย ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของการวิจัย สมมติฐาน (ถ้ามี) ขอบเขตของการวิจัย ทบทวนวรรณกรรม กรอบแนวคิดในการวิจัย (ถ้ามี)วิธีดำเนินการวิจัย เครื่องมือในการวิจัย ผลการวิจัย สรุปอภิปรายผลการวิจัย ข้อเสนอแนะและเอกสารอ้างอิง
(7) คำศัพท์ ให้ใช้ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน
(8) ภาพและตาราง (ถ้ามี) ชื่อภาพให้ระบุคำว่า ภาพที่ ไว้ใต้ภาพประกอบ และจัดข้อความบรรยายภาพ
ให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ ชื่อตารางให้ระบุคำว่า ตารางที่ พร้อมทั้งข้อความบรรยายตาราง หัวตารางให้จัดชิดซ้ายของหน้ากระดาษ และใต้ภาพประกอบหรือตารางให้ระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจน โดยพิมพ์ห่างจากชื่อภาพประกอบหรือเส้นคั่นใต้ตาราง 1 บรรทัด (ใช้ตัวอักษรขนาด 14 point ตัวธรรมดา) โดยแผนภาพ แผนภูมิ ตารางที่ใช้ในบทความ ให้ทำเป็นไฟล์ภาพ (นามสกุล .jpg หรือ .png)
(9) การพิมพ์อ้างอิงที่ในเนื้อหา (In-text Citation) ของบทความ
1) ในกรณีมีการอ้างอิงในเนื้อเรื่อง ให้ใช้การอ้างอิงในส่วนเนื้อเรื่องแบบระบบชื่อ-ปี (name-year
system) โดยระบุชื่อผู้แต่งและปีพิมพ์ของเอกสาร ไว้ข้างหน้าหรือข้างท้ายข้อความที่ต้องการอ้าง เพื่อบอกแหล่งที่มาของข้อความนั้น
2) การอ้างอิงแทรกในตารางหรือในคำอธิบายตารางให้ใช้หมายเลขที่สอดคล้องกับที่ได้อ้างอิงไว้ก่อน
หน้าในส่วนของเนื้อหา
(10) การพิมพ์เอกสารอ้างอิงท้ายบทความ
1) เอกสารอ้างอิงทุกลำดับจะต้องมีการอ้างอิงหรือกล่าวถึงในบทความ โดยผู้เขียนต้องรับผิดชอบ
ความถูกต้องในการอ้างอิง
2) กรณีรายละเอียดของเอกสารอ้างอิงมีความยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดให้พิมพ์ต่อบรรทัดถัดไป โดย
ย่อหน้า (โดยเว้นระยะ 7 ช่วงตัวอักษรหรือเริ่มพิมพ์ช่วงตัวอักษรที่ 8
3) จัดเรียงลำดับเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ หรือการเรียงบรรณานุกรมให้ใช้หลักการเดียวกับการเรียงคำในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือ Dictionary ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป โดยคำที่มีตัวสะกดจัดเรียงไว้ก่อนคำที่มีรูปสระตามลำดับตั้งแต่ กก-กฮ และ AA-AZ
4) การจัดพิมพ์เอกสารอ้างอิงท้ายบทความจะแตกต่างกันตามชนิดของเอกสารที่นำมาอ้างอิง โดยให้จัดพิมพ์ตามรูปแบบการเขียนบรรณานุกรมแบบ APA 6th edition ดังนี้
ก. อ้างอิงจากหนังสือ ใช้รูปแบบดังนี้
ชื่อผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อเรื่อง./ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี) (พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป). /เมืองที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์.
ตัวอย่าง
สุชาติ. ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2546). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ: สามลดา.
Abbinnett, R. (2003). Culture and Identity: Critical Theories. London: SAGE Publications.
ข. อ้างอิงจากวารสาร ใช้รูปแบบดังนี้
ชื่อ/ชื่อสกุลผู้เขียนบทความ./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร./ปีที่(ฉบับที่),/หน้าที่อ้าง.
ตัวอย่าง
สุรีย เข็มทอง และ อาทิตย์ ไวทยะพันธ์. (2553). การวัดคุณภาพการบริการของเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ในกรุงเทพมหานครโดยการรับรู้ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ. วารสารการจัดการสมัยใหม่. 8(2), 95-109.
Fraser, H. (2005). Four different approaches to community participation. Community Development Journal. 40(3), 286-300.
ค. อ้างอิงจากเอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ/หนังสือรวมบทความวิชาการ ใช้
รูปแบบดังนี้
ชื่อผู้เขียน./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความหรือชื่อตอน./ใน//ชื่อหนังสือ./ชื่อบรรณาธิการหรือชื่อผู้รวบรวม(ถ้ามี)./(หน้าที่ตีพิมพ์บทความหรือตอนนั้น)./ครั้งที่พิมพ์./สถานที่พิมพ์:/ชื่อสำนักพิมพ์หรือผู้จัดพิมพ์.
ตัวอย่าง
อุทัยทิพย์. เจี่ยวิวรรธน์กุล. (2554). การวิจัยบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร. ใน ธีรเดช ฉายอรุณ (บรรณาธิการ). หนังสือนวัตกรรมการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพประชากร. (หน้า 59-80). กรุงเทพฯ: ภาควิชาศึกษาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
Forsyth, J.T. (1995). Non-regulated Tourism as a form of Environmental Management in Northern Thailand: The Case of Pha Dua, Chiang Rai. In Rigg, J. (ed). Counting the Costs. (200-241). Singapore: Institute of Southeast Asian Studies.
ง. อ้างอิงจากปริญญานิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ ใช้รูปแบบดังนี้
ชื่อผู้เขียน./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อเรื่อง./(ชื่อปริญญามหาบัณฑิตหรือปริญญาดุษฎีบัณฑิต, ชื่อมหาวิทยาลัย/
สถาบันการศึกษา).
ตัวอย่าง
ดนัยศักดิ์ โกวิทวิบูล. (2543). ความต้องการและลักษณะการใช้สารนิเทศของนักศึกษาในสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์, มหาวิทยาลัยรามคำแหง).
Patamaporn Yenbamrung. (1992). The Emerging Electeronic Univesrsity: A Study of Student Cost-Effectiveness. (Dissertation, Ph.D. Library and Information Science, The University of Texas at Austin.
จ. อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ ใช้รูปแบบดังนี้
ข้อมูลที่เป็นบทความจากวารสารออนไลน์
ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร./ปีที่(ฉบับที่),/หน้า(ถ้ามี)./สืบค้นจาก URL ของวารสาร.
ตัวอย่าง
อัฐพร ธำรงเกียรติกุล. (2552). ปัจจัยที่มีผลต่อความคาดหวังกับส่วนประสมทางการตลาดของบูติครีสอร์ท พัทยา จังหวัดชลบุรี. การท่องเที่ยวไทยนานาชาติ. (3), 1-16. สืบค้น 10 มีนาคม 2555. จาก http://www.ttresearch.org/home/images/2553_3/8.pdf.
Fiona X.Yang and IpKin Anthony Wong. (2021). The social crisis aftermath: tourist well-being during the COVID-19 outbreak. Journal of Sustainable Tourism. (29),6. 859-878. Retrieved on 9 April 2021. From https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/09669582.2020.1843047
ฉ. ข้อมูลจากเว็บไซต์
ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์หรือปีที่สืบค้น)./ชื่อเรื่อง./สืบค้นเมื่อ วัน เดือน ปี (หรือ Retrieved เดือน วัน, ปี),/จาก(from) ชื่อเว็บไซต์.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2550). กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545 - 2559) ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550- 2554). สืบค้นเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2550, จาก https://www.moe.go.th/webbpp/download/crisp_ direction.pps.
UNCTAD. (2005). ICT and Tourism for development. A Background paper in the Commission of Enterprise, Business Facilitation and Development Expert Meeting. Geneva, 30 November – 2 December 2005. Retrieved on 8 January 2006. From www.unctad.org.
ทั้งนี้ การอ้างอิงและการเขียนรายการอ้างอิง (References)
เอกสารอ้างอิงที่เป็นภาษาไทยจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษทุกรายการ โดยผู้เขียนที่จะส่งบทความวิจัย/ วิชาการ เพื่อขอตีพิมพ์ในวารสารฯ ต้องเขียนเอกสารอ้างอิงโดยจัดเรียงคู่กัน คือ เรียงเอกสาร อ้างอิงภาษาอังกฤษที่แปลขึ้นก่อน และเติมคำว่า (in Thai) ต่อท้าย แล้วตามด้วยเอกสารอ้างอิงภาษาไทย ทั้งนี้ การให้ผู้เขียนจัดเรียงการเขียนเอกสารอ้างอิงลักษณะนี้ เพื่อให้กองบรรณาธิการใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของการอ้างอิง โดยสำหรับขั้นตอนการตีพิมพ์ ทางกองบรรณาธิการจะปรับใช้เฉพาะรายการอ้างอิงที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
ตัวอย่างการแปลเอกสารอ้างอิงภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
Chattananon, A. (2009). Crisis Management Strategy for Organization Leader. Journal of Business
Administration. 32(122), 8 – 18. (in Thai)
อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์. (2552). กลยุทธ์การบริหารภาวะวิกฤตสำหรับผู้นำองค์กร. วารสารบริหารธุรกิจ.
32(122), 8 – 18.
Chuangphusri, P. and Buranasing, S. (2011). Conflict Management and Crisis Management.
Bangkok: Prince Damrong Rajanuphap Institute. (in Thai)
ประพันธ์ ช่วงภูศรี และสำเริง บูรณะสิงห์. (2554). การบริหารความขัดแย้งและบริหารภาวะวิกฤต. กรุงเทพฯ :
สถาบันดำรงราชานุภาพ
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
ข้อความลิขสิทธิ์