คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์

คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์

วารสารวิทยาการบริหารภาครัฐสมัยใหม่

 ขั้นตอนการส่งบทความ                                                                                               

1. การเตรียมบทความ ก่อนส่งบทความเพื่อขอตีพิมพ์ ผู้นิพนธ์ควรศึกษาและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้อย่างละเอียด

1.1 ตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา

  • บทความต้องอยู่ในขอบเขตของวารสาร (เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารภาครัฐ นโยบายสาธารณะ หรือการบริหารกิจการสาธารณะเท่านั้น)
  • บทความต้องเป็นผลงานต้นฉบับที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
  • บทความไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่น
  • บทความต้องมีคุณภาพทางวิชาการและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

1.2 เลือกประเภทบทความ วารสารรับพิจารณา 2 ประเภท:

  • บทความวิจัย (Research Articles) - บทความที่นำเสนอผลการวิจัยต้นฉบับที่มีกระบวนการวิจัยที่ชัดเจนและมีคุณภาพ
  • บทความวิชาการ (Academic Articles) - บทความที่นำเสนอแนวคิด ทฤษฎี หรือกรอบแนวคิดใหม่ที่มีการวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างลึกซึ้ง
  1. การลงทะเบียนและส่งบทความ

2.1 ลงทะเบียนในระบบ

  • เข้าสู่เว็บไซต์วารสาร: https://so17.tci-thaijo.org/index.php/jppi/index
  • คลิก "ลงทะเบียน" (Register) หากยังไม่เคยลงทะเบียน
  • กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน: ชื่อ-นามสกุล, สถาบัน, ที่อยู่อีเมล, เบอร์โทรศัพท์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  • เลือกบทบาทเป็น "ผู้นิพนธ์" (Author) "ผู้นิพนธ์ร่วม" (Co-author) "ผู้ประพันธ์บรรณกิจ" (Corresponding author)

2.2 เข้าสู่ระบบและส่งบทความ

  • เข้าสู่ระบบด้วย Username และ Password ที่ลงทะเบียนไว้
  • คลิก "ส่งบทความใหม่" (New Submission)
  • ปฏิบัติตามขั้นตอนทั้ง 5 ขั้นตอนในระบบ:
    • ขั้นตอนที่ 1: เริ่มต้นส่งบทความ
    • ขั้นตอนที่ 2: อัพโหลดไฟล์บทความ
    • ขั้นตอนที่ 3: กรอกข้อมูลบทความ (ชื่อเรื่อง, บทคัดย่อ, คำสำคัญ)
    • ขั้นตอนที่ 4: กรอกข้อมูลผู้นิพนธ์ทุกคน
    • ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันการส่งบทความ

2.3 เอกสารที่ต้องอัพโหลด

  • ไฟล์บทความฉบับสมบูรณ์ (ไม่ปรากฏชื่อผู้นิพนธ์และสถาบัน) ในรูปแบบ Microsoft Word (.docx)
  • แบบคำขอส่งบทความ (Title Page) แยกไฟล์ ระบุ: ชื่อบทความ, ชื่อผู้นิพนธ์ทุกคน, สังกัด, ที่อยู่สำหรับติดต่อ, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์

รูปแบบการเขียนบทความ

3.1 รูปแบบทั่วไป

กระดาษและระยะขอบ

  • ขนาดกระดาษ: A4 (8.27 x 11.69 นิ้ว หรือ 21.0 x 29.7 เซนติเมตร)
  • ระยะขอบ: บน 1.0 นิ้ว, ล่าง 1.0 นิ้ว, ซ้าย 1.0 นิ้ว, ขวา 1.0 นิ้ว
  • การจัดวาง: 1 คอลัมน์

ฟอนต์และระยะห่าง

  • บทความภาษาไทย: ฟอนต์ TH Sarabun New ขนาด 16 พอยต์
  • บทความภาษาอังกฤษ: ฟอนต์ Times New Roman ขนาด 12 พอยต์
  • ระยะห่างบรรทัด: 1.5 บรรทัด
  • การจัดข้อความ: ชิดซ้าย-ขวา (Justify)

ความยาวบทความ

  • บทความวิจัย: 15-25 หน้า (รวมบทคัดย่อ, เอกสารอ้างอิง, ตาราง, รูปภาพ)
  • บทความวิชาการ: 12-20 หน้า (รวมบทคัดย่อ, เอกสารอ้างอิง, ตาราง, รูปภาพ)

3.2 โครงสร้างบทความวิจัย

บทความวิจัยต้องมีเนื้อหาไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 มีองค์ประกอบหลักดังนี้

  1. ชื่อเรื่อง (Title)
  • ภาษาไทย: ฟอนต์ TH Sarabun PSK ขนาด 18 พอยต์ ตัวหนา กึ่งกลาง
  • ภาษาอังกฤษ: ฟอนต์ Times New Roman ขนาด 14 พอยต์ ตัวหนา กึ่งกลาง
  • ควรสั้นกระชับ ไม่เกิน 20 คำ (ภาษาไทย) หรือ 15 คำ (ภาษาอังกฤษ)
  • สะท้อนเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของการวิจัย
  1. ชื่อผู้นิพนธ์และสังกัด
  • หมายเหตุ: ให้ระบุชื่อผู้นิพนธ์สังกัด และในไฟล์บทความ (ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)
  • ให้ทำสัญลักษณ์ (*) หลังชื่อและอีเมล็ผู้นิพนธ์หลัก (Corresponding’s author)
  1. บทคัดย่อ (Abstract)
  • ภาษาไทย: 250-300 คำ
  • ภาษาอังกฤษ: 200-250 คำ
  • ครอบคลุม: ความเป็นมาและวัตถุประสงค์, วิธีการวิจัย, ผลการวิจัย, และข้อสรุป
  • เขียนเป็นความเรียงต่อเนื่อง ไม่แบ่งหัวข้อย่อย
  1. คำสำคัญ (Keywords)
  • ภาษาไทย: 3-5 คำ
  • ภาษาอังกฤษ: 3-5 คำ
  • เลือกคำที่สะท้อนเนื้อหาหลักของบทความ
  • เรียงตามลำดับความสำคัญ คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,)
  1. ที่มาและความสำคัญ (Introduction)
  • ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
  • ช่องว่างทางวิชาการ (Research Gap)
  1. วัตถุประสงค์การวิจัย
  • เขียนแยกเป็นข้อๆ อย่างชัดเจน
  • เริ่มด้วยคำกริยาที่วัดได้ เช่น ศึกษา, วิเคราะห์, เปรียบเทียบ, พัฒนา
  • สอดคล้องกับชื่อเรื่องและปัญหาการวิจัย
  • ครอบคลุมทั้งหมดที่ต้องการศึกษา
  • ต้องสามารถตอบได้จริงจากการวิจัย
  1. ทบทวนวรรณกรรม
  • ทฤษฎีหลักที่ใช้เป็นพื้นฐาน
  • คำนิยามของตัวแปรหรือแนวคิดสำคัญ
  • กรอบแนวคิดหรือโมเดลที่เกี่ยวข้อง
  • งานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ
  • ผลการวิจัยที่สำคัญและสอดคล้องกัน
  • สรุป
  1. กรอบแนวคิดของการวิจัย
  • แสดงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร (ถ้ามี)
  • อธิบายกรอบแนวคิดที่สร้างขึ้น
  • เชื่อมโยงทฤษฎีกับการวิจัยนี้
  1. วิธีดำเนินการวิจัย (Methodology)
  • รูปแบบการวิจัย (Research Design)
  • ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง (Population and Sample)
  • เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (Research Instruments)
  • การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
  • การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
  • จริยธรรมการวิจัย (Research Ethics)  เช่น การได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย (ระบุเลขที่อนุมัติ)  รวมถึง การขออนุญาตจากหน่วยงาน/ผู้ให้ข้อมูล
  1. ผลการวิจัย (Results / Findings)
  • นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์การวิจัย
  • ใช้ตาราง แผนภูมิ หรือกราฟประกอบ (ถ้าเหมาะสม)
  • อธิบายผลการวิเคราะห์อย่างชัดเจน เป็นระบบ
  • หลีกเลี่ยงการตีความในส่วนนี้ (เก็บไว้สำหรับส่วนอภิปราย)
  1. การอภิปรายผล (Discussion)
  • อภิปรายผลการวิจัยที่สำคัญ
  • เปรียบเทียบกับทฤษฎี แนวคิด และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
  • อธิบายข้อค้นพบที่แตกต่างหรือสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้า
  • ชี้ให้เห็นถึงนัยสำคัญทางทฤษฎีและการปฏิบัติ
  1. องค์ความรู้ (Body of Knowledge)
  • ระบุองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการวิจัยนี้อย่างชัดเจน
  • อาจนำเสนอเป็นโมเดล แนวคิด หรือกรอบการทำงานใหม่
  • แสดงให้เห็นว่าเพิ่มพูนองค์ความรู้อย่างไร

ตัวอย่างการเขียนองค์ความรู้

การวิจัยนี้ได้สร้างองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาธรรมาภิบาล

ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยพบว่า...

จากการวิจัย ผู้วิจัยได้พัฒนา "โมเดลธรรมาภิบาลท้องถิ่นแบบมีส่วน

ร่วม" ซึ่งประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก คือ...

[รูปภาพแสดงโมเดล]

โมเดลนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนา อปท. ทั้งในระดับ

นโยบายและการปฏิบัติ โดยเฉพาะใน...

การวิจัยนี้ยังได้เสริมทฤษฎี... โดยขยายความเข้าใจเกี่ยวกับ... และ

เติมเต็มช่องว่างทางวิชาการใน..

  1. ข้อเสนอแนะ (Recommendations)
  • ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (Policy Recommendations)
  • ข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์
  • ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป
  1. กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgments) - ถ้ามี
  • ขอบคุณแหล่งทุนสนับสนุนการวิจัย
  • ขอบคุณผู้ให้ข้อมูล ผู้ช่วยเหลือในการวิจัย
  • ควรสั้นและกระชับ
  1. เอกสารอ้างอิง (References)
  • จัดทำตามรูปแบบ APA 7th Edition
  • เรียงตามลำดับอักษร (ก-ฮ สำหรับภาษาไทย, A-Z สำหรับภาษาอังกฤษ)
  • ภาษาไทยอยู่ก่อนภาษาอังกฤษ

 

3.3 โครงสร้างบทความวิชาการ

บทความวิชาการมีความยืดหยุ่นมากกว่าบทความวิจัย แต่ควรประกอบด้วย

  1. ชื่อเรื่อง (รูปแบบเดียวกับบทความวิจัย)
  2. บทคัดย่อ (รูปแบบเดียวกับบทความวิจัย)
  3. คำสำคัญ (รูปแบบเดียวกับบทความวิจัย)
  4. บทนำ
  • ความเป็นมาและความสำคัญของประเด็น
  • วัตถุประสงค์ของบทความ
  • ขอบเขตของการนำเสนอ
  1. เนื้อหาหลัก
  • แบ่งหัวข้อย่อยตามความเหมาะสม
  • นำเสนอแนวคิด ทฤษฎี หรือกรอบความคิด
  • วิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างเป็นระบบ
  • ใช้เอกสารอ้างอิงที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ
  1. สรุปและข้อเสนอแนะ
  • สรุปประเด็นสำคัญ
  • นัยสำคัญทางทฤษฎีและการปฏิบัติ
  • ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายหรือการพัฒนา
  1. เอกสารอ้างอิง
  • รูปแบบเดียวกับบทความวิจัย

 

  1. การเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรม

เอกสารอ้างอิง (ขนาด 14pt ชนิดตัวหนา จัดกึ่งกลาง)

            (รายการอ้างอิง ขนาด 14pt ชนิดตัวธรรมดา เรียงลำดับตามตัวอักษร และจำนวนรายการต้องตรงกันและเท่ากันกับที่ใช้อ้างอิงในเนื้อหาบทความ) โดยเขียนเอกสารอ้างอิง (Reference List) ตามรูปแบบ APA 7th Edition (American Psychological Association, 7th Edition) ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานวิจัยและบทความทางวิชาการ รายละเอียดดังนี้

 หลักทั่วไปของการจัดเรียงรายการอ้างอิงตามรูปแบบ APA 7th

  1. จัดเรียงตามลำดับตัวอักษรของชื่อผู้แต่ง (Author’s name)
    • หากเป็นภาษาไทย ให้เรียงตาม พยัญชนะตัวแรกของชื่อผู้แต่ง (เช่น ก < ข < ค < ฆ < ง ... จนถึง ฮ)
    • หากเป็นภาษาอังกฤษ ให้เรียงตาม ตัวอักษรแรกของนามสกุล (Last name) (เช่น Anderson < Brown < Carter < Davis ...)
  2. เริ่มจากรายการภาษาไทยก่อน
    เนื่องจากการจัดเรียงอ้างอิงแบบ APA ในบริบทของไทย นิยมให้
    - รายการภาษาไทยอยู่ก่อนภาษาอังกฤษ
         - จากนั้นจึงตามด้วยรายการภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่น)
    เพื่อความเป็นระเบียบและสอดคล้องกับลำดับการอ่านภาษาไทย
  3. หากผู้แต่งคนเดียวกันมีหลายงาน
    • ให้จัดเรียงตาม ปี พ.ศ./ค.ศ. ของการตีพิมพ์ (จากปีเก่า → ใหม่)
    • หากเป็นปีเดียวกัน ให้เพิ่ม a, b, c หลังปี เช่น (2566a), (2566b)
  4. ถ้าไม่มีชื่อผู้แต่ง
    ให้ใช้ชื่อเรื่องในการเรียงลำดับแทน โดยดูตัวอักษรตัวแรกของชื่อเรื่อง

 ตัวอย่างการจัดเรียง (ภาษาไทยก่อน ภาษาอังกฤษ)

🔸 ภาษาไทย

กาญจนา แก้วเทพ. (2561). การสื่อสารกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ขจรศักดิ์ ศรีพนา. (2563). ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ในองค์กรภาครัฐ. นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน.
ชูชาติ ศรีภูมิ. (2560). การบริหารงานภาครัฐแนวใหม่. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พัชรี วัฒนวิจิตร์. (2562). ธรรมาภิบาลในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

เรียงลำดับ: ก → ข → ช → พ

🔹 ภาษาอังกฤษ

Anderson, J. (2020). Public administration and organizational behavior. New York, NY: Routledge.
Brown, T., & Kelly, M. (2018). Strategic leadership for sustainable governance. London: Sage.
Carter, L. (2021). Innovation in local government. Oxford: Oxford University Press.
Davis, R. (2019). Transparency and accountability in public organizations. Cambridge: Cambridge University Press.

เรียงลำดับ: A → B → C → D

ข้อควรระวัง

  • อย่าเรียง “รวมกัน” ระหว่างไทยกับอังกฤษ — ให้แยกเป็นสองกลุ่มเสมอ
  • ใช้ปี พ.ศ. สำหรับแหล่งข้อมูลภาษาไทย และ ค.ศ. สำหรับภาษาอังกฤษ
  • ใช้รูปแบบ ย่อหน้าแขวน (Hanging indent) ในเอกสารจริง
  • หากมีแหล่งข้อมูลออนไลน์ ต้องระบุ URL หรือ DOI ตามรูปแบบ APA

พยัญชนะภาษาไทย (Thai Alphabet Order)

ใช้ลำดับเดียวกับพจนานุกรมไทยหรือราชบัณฑิตยสถาน ดังนี้:

ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ

หมายเหตุ :

  • ในการจัดเรียงเอกสารอ้างอิง จะไม่แยกสระหรือวรรณยุกต์ (เช่น "ก่า" และ "กา" ถือว่าอยู่ในหมวด “ก” เหมือนกัน)
  • ถ้าชื่อผู้แต่งขึ้นต้นด้วย สระ เช่น “อำไพ” หรือ “เอมอร” จะเรียงในหมวด อ
  • หากขึ้นต้นด้วย ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ ให้นำไปไว้หลังสุดของรายการภาษาไทย

ตัวอักษรภาษาอังกฤษ (English Alphabet Order)

ใช้ลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษมาตรฐาน 26 ตัว ดังนี้:

A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z

หมายเหตุ :

  • จัดเรียงตาม นามสกุลของผู้แต่ง (Last name)
  • หากมีชื่อผู้แต่งคนเดียวกัน ให้เรียงตามปี (เก่าก่อนไปใหม่กว่า)
  • หากปีเดียวกัน ให้เพิ่มตัวอักษร a, b, c หลังปี เช่น (2021a), (2021b)

การเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA 7th Edition สำหรับ “หนังสือออนไลน์ (E-Book)” และ “บทความวารสารออนไลน์ (Online Journal Article)”

📘 1. หนังสือออนไลน์ (E-Book)

🔹 รูปแบบ (ภาษาไทย)

ผู้แต่ง. (ปี). ชื่อหนังสือ. เมืองที่พิมพ์: สำนักพิมพ์. เข้าถึงจาก URL

ตัวอย่าง:
กาญจนา แก้วเทพ. (2565). การสื่อสารกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. เข้าถึงจาก https://ebook.tu.ac.th/sustainability

คำอธิบาย:

  • ใช้ “เข้าถึงจาก” ก่อนระบุ URL
  • ไม่ต้องใส่วันที่เข้าถึง (Accessed date) เว้นแต่เนื้อหาในเว็บมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย

🔹 รูปแบบ (ภาษาอังกฤษ)

Author, A. A. (Year). Title of the book. Publisher. URL

ตัวอย่าง:
Northouse, P. G. (2021). Leadership: Theory and practice (8th ed.). Sage Publications. https://books.google.com/books?id=leadership8

คำอธิบาย:

  • ถ้ามีฉบับพิมพ์ระบุไว้ เช่น 8th ed. ให้ใส่ในวงเล็บ
  • ถ้าเข้าผ่านแพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น Google Books, ProQuest, ให้ระบุ URL ตรงนั้น

📖 2. บทความวารสารออนไลน์ (Online Journal Article)

🔹 รูปแบบ (ภาษาไทย)

ผู้แต่ง. (ปี). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร, ปีที่(ฉบับที่), หน้าที่. เข้าถึงจาก URL

ตัวอย่าง:
ขจรศักดิ์ ศรีพนา. (2566). การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารท้องถิ่น. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และการพัฒนา, 15(2), 45–60. เข้าถึงจาก https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jpda

คำอธิบาย:

  • ชื่อวารสารเป็นตัว เอียง
  • ถ้ามีเลขเล่มและฉบับ ให้ระบุในรูปแบบ “ปีที่(ฉบับที่)”
  • ระบุ “เข้าถึงจาก” ก่อน URL

 

🔹 รูปแบบ (ภาษาอังกฤษ)

Author, A. A. (Year). Title of the article. Journal Name, volume(issue), page range. https://doi.org/xxxx

ตัวอย่าง 1 (มี DOI):
Northouse, P. G. (2020). Leadership development in public organizations. Public Administration Review, 80(4), 678–690. https://doi.org/10.1111/puar.13156

ตัวอย่าง 2 (ไม่มี DOI แต่มี URL):
Anderson, J. (2022). Strategic innovation in local governance. Journal of Public Management, 18(1), 25–40. https://journalofpublicmanagement.org/articles/2022

คำอธิบาย:

  • DOI (Digital Object Identifier) ใช้รูปแบบ URL เต็ม เช่น https://doi.org/...
  • ถ้าไม่มี DOI ให้ใช้ URL ของหน้าบทความแทน

🧾 3. ตัวอย่างรวม (References Section)

เอกสารอ้างอิง

กาญจนา แก้วเทพ. (2565). การสื่อสารกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. เข้าถึงจาก https://ebook.tu.ac.th/sustainability
ขจรศักดิ์ ศรีพนา. (2566). การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ของผู้บริหารท้องถิ่น. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์และการพัฒนา, 15(2), 45–60. เข้าถึงจาก https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jpda

Anderson, J. (2022). Strategic innovation in local governance. Journal of Public Management, 18(1), 25–40. https://journalofpublicmanagement.org/articles/2022
Northouse, P. G. (2021). Leadership: Theory and practice (8th ed.). Sage Publications. https://books.google.com/books?id=leadership8
Northouse, P. G. (2020). Leadership development in public organizations. Public Administration Review, 80(4), 678–690. https://doi.org/10.1111/puar.13156

หมายเหตุ: การเขียนแบบออนไลน์ (APA 7th)

  • ใช้ DOI แทน URL หากมี (DOI มีความคงที่มากกว่า)
  • ไม่ต้องเขียน “Retrieved from” หรือ “Accessed on” เว้นแต่ข้อมูลในเว็บมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง
  • URL ต้อง “คลิกได้” และไม่มีจุด (.) ต่อท้าย

การเขียนการอ้างอิงแทรกในเนื้อหา (In-text citation)” ตามรูปแบบ APA 7th Edition

การอ้างอิงในเนื้อหาแบบ APA 7th ใช้หลักการ (ผู้แต่ง, ปี) เพื่อเชื่อมโยงกับรายการ “เอกสารอ้างอิง” (Reference list) ที่อยู่ท้ายเล่ม/บทความมีอยู่ 2 รูปแบบหลักคือ

  1. แบบวงเล็บ (Parenthetical citation)
    – ใช้เมื่ออ้างภายในวงเล็บ
    – ตัวอย่าง: (กาญจนา แก้วเทพ, 2565)
  2. แบบบรรยาย (Narrative citation)
    – ใช้เมื่อชื่อผู้แต่งเป็นส่วนหนึ่งของประโยค
    – ตัวอย่าง: กาญจนา แก้วเทพ (2565) อธิบายว่า...

รูปแบบการอ้างอิงแทรกตามจำนวนผู้แต่ง

🔹 (1) ผู้แต่งคนเดียว

  • แบบวงเล็บ: (ผู้แต่ง, ปี)
  • แบบบรรยาย: ผู้แต่ง (ปี)

ตัวอย่าง (ภาษาไทย):

  • งานวิจัยพบว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (กาญจนา แก้วเทพ, 2565)
  • กาญจนา แก้วเทพ (2565) อธิบายว่า การสื่อสารเพื่อการพัฒนาเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความยั่งยืนของสังคม

ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ):

  • Effective leadership enhances organizational performance (Northouse, 2020).
  • Northouse (2020) stated that leadership is the key factor in public sector success.

🔹 (2) ผู้แต่งสองคน

  • แบบวงเล็บ: (ผู้แต่งที่ 1 & ผู้แต่งที่ 2, ปี)
  • แบบบรรยาย: ผู้แต่งที่ 1 และ ผู้แต่งที่ 2 (ปี)

ตัวอย่าง (ภาษาไทย):

  • (ขจรศักดิ์ ศรีพนา & พัชรี วัฒนวิจิตร์, 2566)
  • ขจรศักดิ์ ศรีพนา และพัชรี วัฒนวิจิตร์ (2566) ระบุว่า...

ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ):

  • (Robbins & Coulter, 2021)
  • Robbins and Coulter (2021) emphasized the importance of management innovation.

🔹 (3) ผู้แต่งสามคนขึ้นไป

  • ใช้เพียงชื่อผู้แต่งคนแรก แล้วตามด้วย “และคณะ” หรือ “et al.” (ในภาษาอังกฤษ)

ตัวอย่าง (ภาษาไทย):

  • (สมชาย และคณะ, 2564)
  • สมชาย และคณะ (2564) พบว่า...

ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ):

  • (Anderson et al., 2022)
  • Anderson et al. (2022) found that innovation drives community participation.

🔹 (4) องค์กรหรือหน่วยงานเป็นผู้แต่ง

  • เขียนชื่อเต็มของหน่วยงานในการอ้างอิงครั้งแรก
  • ครั้งต่อไปสามารถใช้คำย่อ (ถ้ามีการกำหนดในวงเล็บครั้งแรก)

ตัวอย่าง (ภาษาไทย):

  • ครั้งแรก: (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ [ก.พ.ร.], 2566)
  • ครั้งต่อไป: (ก.พ.ร., 2566)

ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ):

  • First citation: (World Health Organization [WHO], 2023)
  • Later citation: (WHO, 2023)

🔹 (5) ไม่มีชื่อผู้แต่ง (ใช้ชื่อเรื่องแทน)

  • ใช้ชื่อเรื่องย่อในเครื่องหมายคำพูดแทนชื่อผู้แต่ง
  • ตัวอย่าง: (“การบริหารท้องถิ่นยุคใหม่,” 2565)

🧾 3. ตัวอย่างการใช้ในย่อหน้าจริง

🔸 ตัวอย่าง (ภาษาไทย)

การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่เน้นความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน (ขจรศักดิ์ ศรีพนา, 2566) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร., 2566) ที่เน้นธรรมาภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี นอกจากนี้ กาญจนา แก้วเทพ (2565) ยังชี้ให้เห็นว่า การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยสร้างความเชื่อมั่นระหว่างรัฐและประชาชนได้อย่างยั่งยืน

🔸 ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ)

Leadership plays a vital role in promoting transparency in public administration (Northouse, 2020). According to Robbins and Coulter (2021), effective management practices enhance employee motivation and organizational success. Similarly, the World Health Organization (WHO, 2023) emphasized the importance of participatory governance in improving public services.

            หมายเหตุ: เคล็ดลับสำคัญ

- ปี ค.ศ./พ.ศ. ต้องตรงกับใน “เอกสารอ้างอิงท้ายบท”
- ชื่อผู้แต่งใช้เฉพาะ “นามสกุล” (surname) เท่านั้น

- ไม่ใช้เลขเชิงอรรถ (footnote) แทนการอ้างอิง
- ถ้าอ้างหลายแหล่งในวงเล็บเดียวกัน ให้เรียงตามลำดับตัวอักษร และใช้ “;” คั่น

                 - ควรใช้เอกสารอ้างอิงที่ทันสมัยและน่าเชื่อถือ กล่าวคือ แหล่งข้อมูลที่ผู้เขียนบทความนำมาใช้อ้างอิงหรือประกอบการเขียน โดยต้องมีคุณลักษณะดังนี้

  1. ทันสมัย (Up-to-date): ข้อมูลควรเป็นของช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเขียนบทความ (โดยทั่วไปไม่เกิน 5 ปี) ยกเว้นกรณีเป็นทฤษฎีพื้นฐานหรือผลงานคลาสสิกซึ่งสามารถอ้างถึงได้แม้จะเก่า
  2. น่าเชื่อถือ (Reliable): แหล่งข้อมูลต้องมาจากสถาบันหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ เช่น วารสารวิชาการ (Academic Journals) หนังสือจากสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยหรือสำนักพิมพ์ทางวิชาการ รายงานทางราชการ หน่วยงานรัฐ หรือองค์กรระหว่างประเทศ (เช่น UN, WHO, OECD) วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิตหรือดุษฎีบัณฑิตจากสถาบันอุดมศึกษาที่เชื่อถือได้

การตั้งค่าหน้ากระดาษ

     ให้ใช้รูปแบบอักษรและการจัดวางตำแหน่ง ดังนี้

    - พิมพ์บนกระดาษขาว A4 หน้าเดียว (หรือ 8.5 นิ้ว x 11 นิ้ว) พิมพ์แบบเสมอหน้า-หลัง (Justified) ด้วยโปรแกรม MS-Word

    - ตั้งค่าหน้ากระดาษ ดังนี้

           บน 1.50 นิ้ว           ล่าง 1.00 นิ้ว 

          ซ้าย 1.00 นิ้ว         ขวา 1.00 นิ้ว

  1. การจัดทำตาราง แผนภูมิ และรูปภาพ

5.1 ตาราง (Tables)

รูปแบบ:

  • ใช้ตารางแบบเปิด (ไม่มีเส้นตาราง vertical lines)
  • หมายเลขตาราง: ใช้เลขอารบิก (ตารางที่ 1, Table 1)
  • ชื่อตาราง: อยู่ด้านบนตาราง ตัวหนา
  • แหล่งที่มา: ระบุใต้ตาราง (ถ้ามี)

ตัวอย่าง:

ตารางที่ 1 ระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการบริการสาธารณะ

รายการ                                      ค่าเฉลี่ย         S.D.

การบริการด้านสาธารณสุข           4.25              0.68

การบริการด้านการศึกษา              4.10              0.72

การบริการด้านสาธารณูปโภค       3.95              0.81

หมายเหตุ: คะแนนเต็ม 5

5.2 รูปภาพและแผนภูมิ (Figures)

รูปแบบ:

  • ความละเอียดไม่น้อยกว่า 300 dpi
  • หมายเลขรูป: ใช้เลขอารบิก (รูปที่ 1, Figure 1)
  • ชื่อรูป: อยู่ด้านล่างรูป ตัวหนา
  • แหล่งที่มา: ระบุใต้ชื่อรูป (ถ้ามี)

ตัวอย่าง:

[รูปภาพ/แผนภูมิ]

รูปที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย

ที่มา: ผู้วิจัย, 2566

  1. จริยธรรมการตีพิมพ์

6.1 สำหรับผู้นิพนธ์

ความเป็นต้นฉบับ (Originality)

  • บทความต้องเป็นผลงานต้นฉบับที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน
  • ไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่น
  • ห้ามส่งบทความเดียวกันไปยังหลายวารสารพร้อมกัน

การลอกเลียนผลงาน (Plagiarism)

  • ห้ามลอกเลียนผลงานของผู้อื่นหรือของตนเอง (Self-plagiarism)
  • ต้องอ้างอิงแหล่งที่มาทุกครั้งเมื่อใช้ข้อมูล ความคิด หรือผลงานของผู้อื่น
  • วารสารจะตรวจสอบการลอกเลียนผลงานด้วยโปรแกรม Turnitin หรือเทียบเท่า

การเป็นผู้นิพนธ์ (Authorship)

  • ผู้ที่ระบุเป็นผู้นิพนธ์ต้องมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญในการวิจัยหรือการเขียนบทความ
  • การเรียงลำดับผู้นิพนธ์ต้องสะท้อนระดับการมีส่วนร่วม
  • ต้องได้รับความยินยอมจากผู้นิพนธ์ร่วมทุกคนก่อนส่งบทความ

ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest)

  • ต้องเปิดเผยผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจมีผลต่อการตีความผลการวิจัย
  • ระบุแหล่งทุนสนับสนุนการวิจัย (ถ้ามี)

จริยธรรมการวิจัย (Research Ethics)

  • การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์
  • ต้องระบุเลขที่อนุมัติจริยธรรมการวิจัยในบทความ (ถ้ามี)

6.2 สำหรับกองบรรณาธิการ

  • รักษาความลับของบทความและข้อมูลผู้นิพนธ์
  • พิจารณาบทความด้วยความเป็นธรรมและปราศจากอคติ
  • ไม่เปิดเผยข้อมูลบทความก่อนตีพิมพ์

6.3 สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิ

  • รักษาความลับของบทความที่ได้รับมอบหมายให้พิจารณา
  • ประเมินบทความด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม
  • แจ้งผลประโยชน์ทับซ้อน (ถ้ามี)
  • ให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาคุณภาพบทความ
  1. กระบวนการพิจารณาบทความ

7.1 ขั้นตอนการพิจารณา

ขั้นตอนที่ 1: การตรวจสอบเบื้องต้น (1 สัปดาห์)

  • กองบรรณาธิการตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร
  • ตรวจสอบความเหมาะสมกับขอบเขตวารสาร
  • ตรวจสอบการลอกเลียนผลงาน (Plagiarism Check)
  • แจ้งผลการตรวจสอบเบื้องต้นให้ผู้นิพนธ์ทราบ

ขั้นตอนที่ 2: การพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (4-6 สัปดาห์)

  • ส่งบทความให้ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน พิจารณาแบบ Double-blind
  • ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินและให้ข้อเสนอแนะ
  • รวบรวมและวิเคราะห์ผลการพิจารณา

ขั้นตอนที่ 3: การแจ้งผลและแก้ไข (1-2 สัปดาห์)

  • แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้นิพนธ์ทราบ
  • ผู้นิพนธ์ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ
  • ส่งบทความฉบับแก้ไขพร้อมตารางตอบข้อเสนอแนะ

ขั้นตอนที่ 4: การตรวจสอบและจัดพิมพ์ (2-3 สัปดาห์)

  • ตรวจสอบบทความฉบับแก้ไข
  • จัดรูปแบบและตรวจทาน (Proofreading)
  • ชำระค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์
  • เผยแพร่บทความ

7.2 ผลการพิจารณา

บทความอาจได้รับผลการพิจารณา 5 ประเภท:

  1. รับตีพิมพ์โดยไม่ต้องแก้ไข (Accept)
  • บทความมีคุณภาพสูง พร้อมตีพิมพ์ทันที
  1. ขอให้แก้ไขก่อนตีพิมพ์ (Requested Revision)
  • ต้องแก้ไขในประเด็นเล็กน้อย เช่น รูปแบบ, คำผิด, การอ้างอิง
  • ไม่ต้องส่งผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาอีกครั้ง
  1. ขอให้แก้ไขและส่งกลับมาเพื่อพิจารณาอีกครั้ง (Major Revision)
  • ต้องแก้ไขในประเด็นสำคัญ เช่น เนื้อหา, วิธีการ, การวิเคราะห์
  • ต้องส่งผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาอีกครั้ง
  1. แนะนำให้ส่งตีพิมพ์ไปยังเอกสารอื่น (Sent to Other Journal)
  • บทความไม่เหมาะสมกับขอบเขตวารสาร
  1. ปฏิเสธการตีพิมพ์ (Reject)
  • คุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
  • มีปัญหาด้านจริยธรรมการวิจัยหรือการตีพิมพ์
  1. ค่าธรรมเนียมและลิขสิทธิ์

8.1 ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์

อัตราค่าธรรมเนียม: 3,000 บาทต่อ 1 บทความ

การชำระเงิน:

  • ชำระหลังจากบทความได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์แล้วเท่านั้น
  • โอนเงินเข้าบัญชี:  ติดต่อเจ้าหน้าที่ของวารสาร
    • ชื่อบัญชี:
    • ธนาคาร:
    • เลขที่บัญชี:
  • ส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่: jppissues@gmail.com

หมายเหตุ:

  • ค่าธรรมเนียมครอบคลุม: การพิจารณาบทความ, การจัดรูปแบบ, การเผยแพร่ออนไลน์
  • ไม่คืนเงินในทุกกรณี แม้บทความจะถอนตัวหลังชำระเงินแล้ว

8.2 ลิขสิทธิ์

การโอนลิขสิทธิ์:

  • ผู้นิพนธ์ต้องลงนามในแบบฟอร์มโอนลิขสิทธิ์ให้วารสาร
  • วารสารมีสิทธิ์ในการเผยแพร่บทความในรูปแบบต่างๆ

การนำบทความไปใช้:

  • ผู้นิพนธ์สามารถนำบทความที่ตีพิมพ์แล้วไปใช้เพื่อการศึกษาและอ้างอิงได้
  • ต้องระบุแหล่งที่มาของการตีพิมพ์ทุกครั้ง
  • การนำไปตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตจากกองบรรณาธิการ
  1. การติดต่อสื่อสาร

9.1 การสอบถามข้อมูล

ก่อนส่งบทความ:

  • ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์วารสาร
  • สอบถามทาง Email: jppissues@gmail.com หรือ dpi.fms@snru.ac.th
  • โทรศัพท์: 081 596 5492 (เวลาทำการ)

หลังส่งบทความ:

  • ติดตามสถานะผ่านระบบออนไลน์
  • ตรวจสอบอีเมลเป็นประจำ (รวมถึง Spam/Junk)
  • ตอบกลับอีเมลจากกองบรรณาธิการภายใน 7 วัน

9.2 ระยะเวลาการติดต่อกลับ

  • การแจ้งผลตรวจสอบเบื้องต้น: ภายใน 7 วัน
  • การแจ้งผลการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ: ภายใน 8-10 สัปดาห์
  • การแจ้งผลบทความฉบับแก้ไข: ภายใน 2-3 สัปดาห์
  1. คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q1: บทความต้องผ่านการตรวจสอบการลอกเลียนผลงานก่อนส่งหรือไม่?

A: แนะนำให้ตรวจสอบก่อนส่ง แต่วารสารจะตรวจสอบอีกครั้งด้วยโปรแกรม Turnitin ความซ้ำซ้อนต้องไม่เกิน 25%

Q2: ส่งบทความที่เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ได้หรือไม่?

A: ได้ แต่ต้องปรับปรุงให้อยู่ในรูปแบบบทความวิจัย และระบุในกิตติกรรมประกาศว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์

Q3: ส่งบทความที่นำเสนอในการประชุมวิชาการแล้วได้หรือไม่?

A: ได้ หากไม่ได้ตีพิมพ์ในรายงานสืบเนื่องจากการประชุม (Proceedings) หรือหากได้รับอนุญาตจากผู้จัดการประชุม

Q4: ใช้เวลานานเท่าไรตั้งแต่ส่งบทความจนตีพิมพ์?

A: โดยเฉลี่ย 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพบทความและความรวดเร็วในการแก้ไข

Q5: สามารถถอนบทความหลังส่งแล้วได้หรือไม่?

A: ได้ ก่อนส่งผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณา หากส่งผู้ทรงคุณวุฒิแล้วจะไม่สามารถถอนได้

Q6: ผู้นิพนธ์ต้องเป็นสมาชิกของวารสารหรือไม่?

A: ไม่จำเป็น แต่ต้องลงทะเบียนในระบบเพื่อส่งบทความ

Q7: วารสารรับบทความภาษาอังกฤษทั้งหมดได้หรือไม่?

A: ได้ และสนับสนุนเพื่อเพิ่มการเผยแพร่สู่ระดับนานาชาติ

Q8: หากผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นแตกต่างกัน จะตัดสินอย่างไร?

A: กองบรรณาธิการจะพิจารณาจากความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 3 ท่าน และอาจขอความเห็นเพิ่มเติมหรือตัดสินด้วยดุลยพินิจ

  1. เอกสารดาวน์โหลด

ผู้นิพนธ์สามารถดาวน์โหลดเอกสารที่จำเป็นได้จากเว็บไซต์วารสาร:

แบบฟอร์มบทความ (Article Template) - ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

แบบฟอร์มตรวจสอบบทความ (Submission Checklist)

แบบฟอร์มโอนลิขสิทธิ์ (Copyright Transfer Form)

คู่มือการใช้ APA 7th Edition

ตัวอย่างบทความที่ตีพิมพ์

  1. ข้อมูลติดต่อ

สำนักงานบรรณาธิการ
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
680 หมู่ 11 ถนนนิตโย ตำบลธาตุเชิงชุม
อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร 47000

ช่องทางการติดต่อ:

 

วารสารวิทยาการบริหารภาครัฐสมัยใหม่
"เพื่อการบริหารภาครัฐที่ดี ทันสมัย และยั่งยืน"
"For Good, Modern, and Sustainable Public Administration"